tag:blogger.com,1999:blog-74114177945168942162024-03-05T13:40:16.358-08:00การจัดการความรู้Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.comBlogger12125tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-59045421119035145092011-09-15T07:54:00.000-07:002011-09-22T19:37:16.670-07:00สาราะน่ารู้ที่แปลกใหม่<strong><span style="color: green; font-size: large;">การกำจัดปลวกโดยใช้เหยื่อล่อปลวก ทำได้เองแบบง่าย ๆ</span></strong><br />
<span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">สวัสดีค่ะท่านสมาชิกชมรมเกษตรปลอดสารพิษทุก ๆ ท่าน ตลอดจนผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม หรือหาข้อมูลจากบทความฉบับนี้ ในวันนี้ผู้เขียนมีวิธีการทำเหยื่อล่อปลวกแบบง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ เอาใจท่านสมาชิก หลาย ๆ ท่านที่กำลังประสบปัญหานี้กันหน่อย ปัญหา </span><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">“ <span lang="TH">ปลวกกินบ้าน </span>“ <span lang="TH">เป็นปัญหาสำคัญหนึ่งที่คนไทยประสบอยู่ขณะนี้ เนื่องจากปลวกสามารถ ทำลายบ้านเรือนให้เสียหายโดยสิ้นเชิงในระยะเวลา </span>3-5 <span lang="TH">ปี ในขณะที่ผู้อยู่อาศัยต้องใช้เวลาในการผ่อนบ้านนาน ถึง </span>10-15 <span lang="TH">ปี ปัจจุบันปัญหาปลวกกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น การขยายพื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ โดยเฉพาะ ผู้อาศัยในเมืองใหญ่ ๆ ที่มีอัตราการเจริญค่อนข้างสูง เนื่องจากการปลูกสร้างบ้านเรือนที่พักอาศัยของมนุษย์เป็นการทำลายระบบ นิเวศน์ที่สมบูรณ์ของปลวกและการเพิ่มเนื้อที่สร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์ เป็นการลดพื้นที่อยู่อาศัยและลดพื้นที่หากินของปลวก<br />
<span lang="TH">ปัจจุบันได้มีการทำวิจัยเรื่องปลวก การหาวิธีป้องกันและกำจัดปลวก แต่ยังเป็นการกำจัดด้วยการใช้ สารเคมี ซึ่งสารเคมีมีพิษร้ายแรงต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และทำให้มีสารพิษตกค้างในดิน บ้านเรือน สวน สิ่งแวดล้อมอื่น ๆ และเป็นภัยมืดที่มองไม่เห็น เพื่อเป็นการลดประชากรปลวกในบ้านให้น้อยเรามาเริ่มกันเลยนะค่ะ เริ่มจากหากล่องกระดาษลัง กระดาษลูกฟู หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ก็ได้ค่ะเอามาฉีด จากนั้นแช่น้ำให้กระดาษยุ่ย จากนั้นขยำบิดน้ำออกพอหมาด ๆ เอาจุลินทรีย์เมธาไรเซียมมาคลุกเคล้า ให้เข้ากัน จากนั้นปั้นเป็นลูก กลม ๆ แล้วไปอัดฝังตามร่องทางเดินของปลวกในบ้าน รอบ ๆ บริเวณบ้านให้ทั่วเลยนะค่ะ หรือจะนำเอาไปใช้ในสวน ตามตามจอมปลวก โคนต้นไม้ใหญ่ ขุดหลุมเล็กน้อยแล้วฝังไว้ก็ได้ ทำแบบนี้ เดือนล่ะครั้ง หรือ 2 เดือนครั้งก็ได้ค่ะ หมั่นคอยมาดูว่าปลวกมากินเหยื่อหมดรึยังจากนั้นก็ทำใหม่เลย ๆ เพียงเท่านั้น ท่านสมาชิก ๆ ก็สามารถช่วยลดจำนวนประชากรปลวกให้น้อยลงได้แล้วล่ะ แต่จะให้ปลวกหมดโลกคงทำไม่ได้ ตราบใดที่ในบริเวณบ้าน หรือ สวนของท่าน ยังมีอินทรียวัตถุ เช่น ไม้ ซากพืช ซากสัตว์ ที่ยังเป็นอาหารของปลวกชั้นยอดยังคงอยู่ แล้วอีกอย่างปลวกตัวแรกของโลกถือกำเนิดเมื่อประมาณ </span>220 <span lang="TH">ล้านปีมาแล้ว เป็นการยากที่จะทำให้หมดโลกค่ะ</span></span></span><br />
<div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">หากสมาชิกท่านใด ต้องการปรึกษา และขอรับเอกสารรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมก็สามารถ โทรเข้ามาขอรับเอกสารได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษทุกสาขานะค่ะ หรือ ติดต่อมายัง คุณเพชรรัตณ์ มีมา ผู้เขียนได้ที่ </span><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">02-903-0820 ,089-444-2366 <span lang="TH">ซึ่งประจำการอยู่ที่ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ (สาขาบางใหญ่) ได้โดยตรงเลยค่ะ</span></span><br />
<br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><span lang="TH" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"></span></div><div class="MsoNormal"><strong><span style="color: green; font-size: large;">พรีเว้นท์ (น้ำสัมควันไม้) กำจัดปลวก </span></strong><br />
<br />
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%;"><tbody>
<tr><td style="text-align: left; width: 100%;"><span id="ctl00_ContentPlaceHolder1_DataGrid1_ctl02_Label1" style="font-size: 11pt;"></span><br />
<div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 10pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">สวัสดีดีค่ะท่านสมาชิกทุกท่าน<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ท่านสมาชิกหลาย ๆ ท่านคงเจอปัญหา<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ปลวกที่เข้าทำลายบ้านเรือน สามารถกินบ้านได้ทั้งหลังภายในระยะเวลา<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>3-5 ปี<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ขณะที่ผู้อาศัยต้องใช้เวลาในการผ่อนบ้านนาน </span><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">10-15 <span lang="TH">ปี<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ซึ่งปลวก ...กำลังกลายเป็นศัตรู ตัวฉกาจสำหรับ คนรักบ้านโดยทั่วไป เพราะเมื่อมันเข้าบ้าน ได้เมื่อไหร่ เรื่องจะให้ถอยออกไปนั้นยาก ที่สำคัญมันกินทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไม้หรือผลิตจากไม้ การกำจัดปลวก กำจัดแมลง จึงกลายเป็น ภารกิจสำคัญของผู้อยู่อาศัยและบริษัทกำจัดปลวกไปโดยปริยายที่ต้องรีบกำจัด มิใช่นั้นบ้านของท่านจะได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล ซึ่งบริษัทที่รับกำจัดปลวกที่มารับจ้างฆ่าปลวกในบ้านเรานั้นมีทั้งที่ใช้สารเคมีกำจัดและสมุนไพรกำจัด<span style="mso-spacerun: yes;"> </span></span><span style="mso-spacerun: yes;"> </span> <span lang="TH">ปลวก ..... เป็นภัยเงียบ ซึ่งชอบอาศัยบริเวณความชื้น และแทรกตัวมาตามร่องรอยของการแตกร้าวของอาคาร ปลวกไม่ได้ทำให้อาคารแตกร้าวแต่ อาศัยร่องของการแตกร้าวเป็นทางเดินเพื่อไปสู่แหล่งอาหาร เช่น ไม้ กระดาษ หนังสือ เป็นต้น</span> <span lang="TH">ส่วนแมลงนอกจากก่อความรำคาญแล้วยังเป็นสัตว์พาหะหรือสัตว์นำโรคอีกด้วย<span style="mso-spacerun: yes;"> </span><span style="mso-spacerun: yes;"> </span></span></span></div></td></tr>
<tr><td style="text-align: left; width: 100%;"><span id="ctl00_ContentPlaceHolder1_DataGrid1_ctl02_Label2" style="font-size: 11pt;"></span><br />
<div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 10pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 10pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">ซึ่งคุณ สมพร สุขพรกิจ <span style="mso-spacerun: yes;"> </span>เลขที่ 98/612<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ต.บางรักพัฒนา<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>อ.บางบัวทอง<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>จ. นนทบุรี 11110<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ก็เป็นบริษัทที่รับ กำจัดปลวกรายหนึ่ง<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ที่หันมาใช้สารสกัดจากกรดอินทรีย์ เข้มข้น หรือที่เราเรียกกันว่า...</span><b><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">”<span lang="TH">พรีเว้นท์ หรือน้ำสัมควันไม้</span></span></b><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">” <span lang="TH">เดิมทีก่อนที่คุณสมพร จะมาพบชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ได้ใช้กำจัดวิธิการกำจัดปลวกให้ลูกค้าด้วย สารเคมี มาโดยตลอด เป็นระยะเวลายาวนาน<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>จนมีปัญหาเรื่องของสุขภาพที่จะต้อง สูดดมสารเคมีที่ตัวเองใช้กำจัดปลวกให้กับลูกค้า ทุกวัน จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มแย่ลง แต่กิจการที่ตนสร้างขึ้นมาต้องเดินหน้าต่อเพราะลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้คุณสมพร คิดหาผลิตภัณฑ์ ที่สามารถป้องกันและกำจัดปลวก อย่างถูกวิธีและปลอดภัยต่อผู้ให้บริการ ผู้บริโภค จนมาพบชมรมเกษตรฯ นักวิชาการจึงแนะนำให้ใช้ พรีเว้นท์ หรือ น้ำสัมควันไม้ ฉีดพ่น เพราะคุณสมพร จะต้องฉีดอัดเข้าไปตามท่อภายในบ้าน<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>เจ้าพรีเว้นท์นี่แหละ </span>!!<span style="mso-spacerun: yes;"> </span><span lang="TH">จะกำจัดและขับไล่ปลวด มด แมลงที่น่ารำคาญ<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ทำลายตัวอ่อนและไข่ตัดวงจรการระบาด ควบคุมประชากรปลวกให้ลดน้อยลง ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อรา แบคทีเรีย และจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>หากบ้านใดที่เลี้ยงสุนัขก็สามารถกำจัด เห็บ หมัด รักษาโรคขี้เรื้อนในสุนัขได้ด้วย<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>คุณสมพรบอกว่า หลังจากที่ใช้พรีเว้นท์ รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย ลูกค้าก็ปลอดภัย เช่นกัน</span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 10pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">หากท่านสมาชิก หรือผู้ที่สนใจท่านใดต้องการกำจัดปลวกที่ได้<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>คุณภาพจากธรรมชาติ<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ปลอดภัยใช้ง่าย เห็นผลทันใจ<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ประหยัดต้นทุน<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ไร้สารตกค้าง<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ปลอดภัยต่อผู้ใช้ <span style="mso-spacerun: yes;"> </span>สิ่งแวดล้อม ก็สามารถใช้บริการบริษัทของคุณสมพร สุขพรกิจ ได้ที่<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>081-402-0802 <span style="mso-spacerun: yes;"> </span>หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์พรีเว้นท์ได้ที่ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ ทุกสาขา</span><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;"></span></div></td></tr>
</tbody></table><strong><span style="color: green; font-size: large;">พรีเว้นท์ทำลายรังมดคันไฟได้อย่างราบคาบ</span></strong><br />
<br />
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 100%;"><tbody>
<tr><td style="text-align: left; width: 100%;"><span id="ctl00_ContentPlaceHolder1_DataGrid1_ctl02_Label1" style="font-size: 11pt;"></span><br />
<div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">มดเป็นสัตว์ขนาดเล็กที่ดูไม่น่ากลัวเมื่อมีปริมาณน้อยๆ แต่ว่าจะดูน่ากลัวเมื่อมดมารวมกลุ่มกันในปริมาณมากๆหรือที่เรียกว่า มาทั้งรัง และมดจะมีความสามัคคีกันเป็นอย่างดี จึงสามารถทำงานต่างๆได้อย่างง่ายดาย และสามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างไม่ยากนัก เมื่อเกิดการรวมกลุ่มและสามัคคีกัน อีกอย่างหนึ่งก็คือมดจะมีสัมผัสที่ 6 สัมผัสที่ 6 คือสัมผัสที่นอกเหนือกว่า สัมผัสที่ 5 คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส แต่ว่ามดจะมีมากกว่านั้น ก็คือสัมผัสพิเศษ ที่สามารถรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ก่อนมนุษย์แต่ว่ามนุษย์ก็จะเรียนรู้จากมดอีกทีหนึ่ง อย่างเช่น เวลาจะมีฝนตกหนัก มดจะขนไข่หนีจากบริเวณที่น้ำจะท่วมเข้าไปอยู่ในที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง แล้วมนุษย์ก็จะเรียนรู้จากมด คือเมื่อมีมดขนไข่ย้ายรัง มนุษย์ก็จะเข้าใจว่า อีกไม่กี่วันก็จะมีฝนตกหนักแน่นอน</span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;"></span><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;"></span></div></td></tr>
<tr><td style="text-align: left; width: 100%;"><span id="ctl00_ContentPlaceHolder1_DataGrid1_ctl02_Label2" style="font-size: 11pt;"></span><br />
<div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">สิ่งนี้ผมก็เจอกับตัวเองล่ะครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีมดคันไฟขนไข่ จากในป่าเข้ามาทำรังในกระถางต้นไม้ โอ๊โห...พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก ดินเป็นเม็ดเล็กๆเกลื่อนตามพื้นและท่วมกระถางต้นไม้แบบว่าไม่เห็นยอดต้นไม้ที่ปลูกในกระถางเลยเมื่อผมเห็นอย่างนี้ ผมก็เลย นำพรีเว้นท์(น้ำส้มควันไม้) 1 ลิตร ผสมน้ำ 5 ลิตร เทราดไปที่รังมดคันไฟ หลังจากที่เทพรีเว้นท์ลงไป สักพัก มดก็เงียบหายอยู่ในรัง พอเวลาผ่านไป 1 วัน ผมก็ไม่เห็นมดออกมาเพ่นพ่าน ก็เลยเอาไม้เขี่ยๆดู ก็พบว่ามดคันไฟตายอยู่ในรัง พอผ่านไป3-4 วัน ฝนก็เทลงมาอย่างหนักอย่างที่มดส่งสัญญาณให้รู้ก่อนหน้านี้ </span><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">เห็นไหมครับว่าพรีเว้นท์ใช้กำจัดมดได้ดีมากเลย ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ชีวิตยืนยาว </span><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;">สมาชิกชมรมฯท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้พรีเวนท์ก็สามารถติดต่อได้ที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ </span><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; line-height: 115%;"></span></div></td></tr>
</tbody></table><br />
</div>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-49890760501677636402011-09-14T09:14:00.000-07:002011-09-14T09:22:36.197-07:00สาระน่ารู้ทางการเกษตร<span class="h3"><strong>วิจัยกล้วยไข่ให้ผิวสวย ใช้อุณหภูมิควบคุมการตก กระ</strong></span><br />
<span class="h3"><a href="http://www.blogger.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=416270&Ntype=6" jquery1316081426694="54"><img align="left" alt="" border="0" hspace="5" jquery1316081426694="53" loaded="true" original="http://www.kasetvirul.com/images/1169616919/pro_resize.png" src="http://www.kasetvirul.com/images/1169616919/pro_resize.png" style="display: inline;" title="" /></a></span><br />
<span class="h3"><span style="font-size: x-small;"><strong>กล้วยไข่</strong>...หนึ่งในปัญหาที่ทำให้ถูกกดราคา หรือหนักสุดคือส่งขายไม่ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ส่งออกมักประสบบ่อยครั้ง คือผิวของเปลือกเป็น กระ </span></span><br />
เพื่อที่จะลดปัญหานี้ลง ศ.ดร.สายชล เกตุษา ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ เมธีวิจัยอาวุโส ได้รับทุนสนับสนุน การวิจัยจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ให้ทำการศึกษาวิจัยกล้วยไข่ทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อหาสาเหตุ <br />
ในการศึกษาเก็บข้อมูลได้ใช้ถุงพลาสติกคลุมเครือกล้วย ควบคู่กับการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อโรคทั้งก่อน-หลังการเก็บเกี่ยว อีกทั้งยังเก็บรักษาผลกล้วยให้สุกในสภาพปลอดเชื้อ-โรค แต่ก็ยังพบการตกกระของผลกล้วยไข่อยู่ <br />
ศ.ดร.สายชล...จึงสันนิษฐานว่า การตกกระของกล้วยไข่สุก สาเหตุเบื้องต้นไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคอย่างแน่นอน และ คงเกิดจากการที่ปล่อยทิ้งไว้ให้กล้วยงอมเต็มที่ <br />
ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่เกิดรอยตกกระเกิดรอยบุ๋ม ส่งผลให้น้ำบริเวณรอบข้างไหลเข้ามาทดแทน อันเป็นเหตุทำให้เนื้อเยื่อติดเชื้อได้ง่าย กระทั่งผิวของกล้วยไข่กลายเป็นสีดำ <br />
ด้วยเหตุนี้ทางคณะวิจัยฯ จึงได้เริ่มศึกษาเปรียบ เทียบกับการเกิดสีน้ำตาล (browning) ของเนื้อเยื่อพืชชนิดต่างๆ อาทิ สีขาวของผลแอปเปิลที่ตากลมไว้เกิดสีน้ำตาล การเกิดสีผิดปกติของผลิตผลเขตร้อน เมื่ออยู่ภายใต้อุณหภูมิต่ำเหนือจุดเยือกแข็ง (chilling injury; 0-12 C) และการเกิดจุดสีน้ำตาลของผักกาดหอมห่อ (rusett spotting) <br />
ผลที่ได้พบว่าเมื่อได้รับเอทิลีนที่อุณหภูมิต่ำ สีน้ำตาลที่เกิดขึ้นมาเกิดจากการทำปฏิกิริยาของเอนไซม์ กับสารฟีนอลิก ในสภาวะที่มีออกซิเจน โดยเม็ดสีเหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่และตกตะกอนอยู่ตามเนื้อเยื่อของพืช <br />
และ...เมื่อนำกลับมาไว้ในห้อง กล้วยไข่จะยังคงตกกระเช่นเดิม หากนำไปไว้ที่อุณหภูมิ 42 ํC นาน 6-24 ชม.ก็จะสามารถยับยั้งการตกกระของกล้วยไข่ได้อย่างถาวร อีกทั้งความชื้นสัมพัทธ์ในบรรยากาศ จะช่วยให้การตกกระเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีความชื้นมากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ <br />
เมื่อทราบถึงปัจจัยเหล่านี้ จึงได้คิดวิธีการชะลอการตกกระขึ้น ด้วยวิธีการเก็บรักษากล้วยไข่สุกในบริเวณที่มีอุณหภูมิ 12-18 C หรือช่องแช่เย็นปกติ ซึ่งจะช่วยลดการตกกระได้นาน 5 วัน ใช้พลาสติกฟิล์มพีวีซี (PVC Film) หรือพลาสติกที่ยอมให้อากาศถ่ายเท ห่อผลกล้วยไข่เพื่อควบคุมปริมาณออกซิเจนให้เหลือน้อยที่สุด การใช้สารเคลือบผิว เพื่อลดการหายใจด้วยออกซิเจนของผลกล้วยไข่ <br />
จากการวิจัยและศึกษาการตกกระของกล้วยไข่ ได้ถูกนำมาใช้ป้องกันผิวของผลกล้วย <strong>โดยมีการนำ</strong>กล้วยไข่ไปบรรจุในภาชนะ จานโฟมและห่อด้วยพลาสติก หรือแช่เก็บในชั้นวางของที่มีอุณหภูมิ 12-18 C เหล่านี้ก็ “เพื่อชะลอการตกกระของกล้วยไข่และดึงดูดใจผู้บริโภค” <br />
นอกจากจะลดปัญหาการตกกระแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่คณะวิจัยได้รับรู้ ต้องการ คือความเข้าใจในธรรมชาติของกล้วยไข่ว่าจุดตกกระเกิดขึ้น เมื่อกล้วยไข่นั้นสุกมิใช่เกิดจากโรคแต่อย่างใด.<br />
<br />
<br />
<span class="h3"><strong>แมงดานาไล่ศัตรูด้วยกลิ่น แต่นำมาให้ใช้กับมนุษย์อาหาร</strong></span><br />
<span class="h3"><a href="http://www.blogger.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=416277&Ntype=6" jquery1316081840898="59"><img align="left" alt="" border="0" hspace="5" jquery1316081840898="58" loaded="true" original="http://www.kasetvirul.com/images/1169617846/pro_resize.png" src="http://www.kasetvirul.com/images/1169617846/pro_resize.png" style="display: inline;" title="" /></a></span><br />
<br />
<span class="h3">การกิน......ปัจจุบันแม้จะมีให้เลือกหลากหลายทะลักเข้ามาในสังคมบ้านเรา ทั้งที่ประเภทแพงหูฉี่ราคาเทียบเท่าทองคำ จนถึงประเภททั้งประเภทกินสะดวกกินด่วนที่วัยรุ่นชอบแอ็กอาร์ตเปิบกันแล้วว่าทันสมัย </span> <br />
แต่ยังไง๋ยังไง....วัฒนธรรมการบริโภคของไทยเราก็ยังโหยหาน้ำ พริกกันอยู่วันยังค่ำ เพราะชื่อนี้ไม่ว่าจะชนิดใดภาคไหน รสชาติของมันประทับเข้าถึงโคนลิ้นเลยทีเดียว ยิ่งถ้าได้เหยาะแมงดาเข้าไปซักนิดแล้ว กลิ่นของมันจะช่วยปรุงรสให้แซบเหลือหลาย <br />
แมงดานาที่ใช้ตำกับน้ำพริกจะเป็นแมงดานา ซึ่งสนนราคาที่ขายตามท้องตลาดยามนี้ก็อยู่ที่ตัวละ 5-10 บาท... และราคานี้ก็มิใช่ว่าจะหาซื้อได้ง่ายๆด้วย <br />
แมงดานา....มีด้วยกัน 3 สายพันธุ์ คือ พันธุ์หม้อ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่เราเห็นวางขายอยู่ตามท้องตลาด ลำตัวมีลักษณะขอบปีกมีลายสีทองคลุมไม่มิดส่วนหาง จะขยายพันธุ์รวดเร็ว ไข่ดก พันธุ์ลาย ขอบปีกมีลายสีทองและคลุมมิดหาง วางไข่แต่ละครั้งไม่แน่นอน และ พันธุ์เหลือง หรือ พันธุ์ทอง มีสีเหลืองทั้งตัว ชอบกินแมงดานาพันธุ์อื่นๆเป็นอาหาร....จึงไม่ควรเลี้ยงรวมกับพันธุ์อื่นๆ <br />
แมงดานาตัวเมียลำตัวจะแบน ส่วนท้องใหญ่กว้าง เมื่อแง้มดูที่ปลายท้องจะเห็นอวัยวะวางไข่คล้ายเม็ดข้าวสาร ส่วน ตัวผู้ ลำตัวจะกลมป้อมเล็กกว่าตัว เมีย มีเดือยหาง ซึ่งส่วนนี้จะมีต่อมกลิ่นหอมฉุน <br />
มันชอบออกบินในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันจะหลบซ่อนอยู่ตามหนอง คลอง บึง และในท้องนา ในเวลาฤดูฝนกลางคืนเมื่อมีฝนตกปรอยๆ ตัวแก่จะบินขึ้นมาวนเวียนอยู่ตามที่มีแสงไฟฟ้าโดยเฉพาะสีม่วง สีฟ้า สีน้ำเงิน แล้วปล่อยกลิ่นเพื่อเรียกความสนใจจากตัวเมีย ให้มาผสมพันธุ์ ปีหนึ่ง “จะฝากรัก” 3-4 ครั้ง เมื่อได้ความสุขสุดขีดแล้วมันก็จะตาย <br />
ช่วงที่มันฝากรักปล่อยกลิ่นฉุนเรียกคู่มาหา แล้วมันก็จะเกาะบนหลังตัวเมีย ผสมพันธุ์ตามกอหญ้า กอข้าว เมื่อตัวเมียวางไข่ ซึ่งมีลักษณะเป็นกลุ่มวางเรียงเป็นแถวตามต้นข้าวหรือต้นหญ้า หรือตามกิ่งไม้ขนาดเล็กในน้ำ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีประมาณ 100-200 ฟอง...ตัวผู้จะทำหน้าที่เฝ้าไข่ โดยว่ายน้ำขึ้น-ลงตลอดและเยี่ยวรดไข่ ช้กับมนุษย์ไม่ได้ผลKnowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-16210347352073534212011-09-14T09:02:00.001-07:002011-09-20T21:16:16.171-07:00การเกษตรเรื่องพันธุ์ของกุหลาบ<div id="content"><div class="post-1174 post type-post hentry category-306 tag-372 tag-306 tag-373 tag-371 tag-353" id="post-1174"><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="การเกษตรเรื่องพันธุ์ของกุหลาบ" class="size-medium wp-image-1175" height="225" src="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2010/11/Rose-varieties-300x225.jpg" title="การเกษตรเรื่องพันธุ์ของกุหลาบ" width="300" /> </div><br />
<div class="wp-caption aligncenter" id="attachment_1175" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; width: 310px;"><div class="wp-caption-text"><span style="font-size: large;">การเกษตรเรื่องพันธุ์ของกุหลาบ</span></div></div><span style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<div class="entry">การเกษตรเรื่องพันธุ์ของกุหลาบในประเทศไทย <br />
1) กุหลาบตัดดอก หรือ ไฮบริดที (Hybrid Tea หรือ HT) ปกติมักออกดอกเป็นดอกเดี่ยวมีขนาดโต กลีบดอกซ้อน พุ่มต้นตั้งตรงสูงประมาณ 1-2 เมตร กุหลาบชนิดนี้ที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด ในการทำการเกษตร การปลูกกุหลาบพันธุ์ ไฮบริดที นั้นจำเป็นต้องคัดเลือกพันธุ์ให้เหมาะสมสำหรับแต่ละท้องที่ เพราะกุหลาบพันธุ์นี้ไม่ได้ปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้ดีทุกพันธุ์ ลักษณะที่ดีสำหรับสำหรับตัดดอก มีดังนี้<br />
<ul><li>ต้องมีความแข็งแรงทนทาน ลำต้นโต สามารถเจริญเติบโตได้ดี</li>
<li>ต้องออกดอกอย่างสม่ำเสมอ และต้องไม่ทรุดโทรมไวเมื่อถูกตัดดอกไปมากๆ</li>
<li>ต้องทนต่อโรคและแมลงได้ดี</li>
<li>ต้อวมีลำต้นที่ตั้งตรง เพราะจะทำให้ปลูกชิดกันได้มากขึ้น ช่วยประหยัดเนื้อที่</li>
<li>ต้องมีกิ่งก้านยาวตรง มีหนามน้อย และมีใบงามสมดุลกับกิ่ง</li>
<li>รูปร่างของดอกดี คือทรงดอกยาวแบบแจกันหรือปลายกลีบดอกแหลม</li>
<li>กลีบดอกต้องไม่ซ้อนหนาเกินไปจนดอกบานไม่ออก</li>
<li>กลีบดอกต้องหนา เพื่อจะได้สามารถทนทานในขั้นตอนการบรรจุหีบห่อและขนส่ง</li>
<li>ดอกต้องมีสีสันสวยงามสะดุุดตาและต้องไม่เปลี่ยนสีเมื่อดอกโรย</li>
<li>ต้องไม่เหี่ยวเฉาง่ายหลังจากตัดแล้ว เพราะจะทำให้กุหลาบเสียราคา</li>
<li>ดอกต้องมีกลิ่นหอม (ถ้าเป็นไปได้)</li>
</ul>โดยพันธุ์กุหลาบที่กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำให้ปลูกมีดังนี้<br />
<ul><li>พันธุ์ดอกสีแดง ได้แก่ พันธุ์บราโว. เรดมาสเตอร์พีช , คริสเตียนดิออร์, โอลิมเปียด, นอริค้า, แกรนด์มาสเตอร์พีช, ปาปามิลแลนด์, เวก้า</li>
<li>พันธุ์ดอกสีเหลือง ได้แก่ พันธุ์คิงส์แรนซัม, ซันคิงส์, เฮสมุดสมิดท์,นิวเดย์ โอรีโกลด์ และเมลิลอน</li>
<li>พันธุ์ดอกสีส้ม ได้แก่ พันธุ์ซันดาวน์เนอร์, แซนดรา, ซุปเปอร์สตาร์หรือทรอพปิคานา</li>
<li>พันธุ์ดอกสีชมพู ได้แก่ พันธุ์มิสออลอเมริกาบิวตี้ หรือมาเรีย, คาสลาส, ไอเฟลทาวเวอร์, สวาทมอร์, เฟรนด์ชิพ, เพอร์ฟูมดีไลท์, จูวังแซล, เฟิร์สท์ไพรซ์, อเควเรียส, ซูซานแฮมเชียร์</li>
<li>พันธุ์ดอกสีขาว ได้แก่ พันธุ์ไวท์คริสต์มาส เอทีนา</li>
<li>พันธุ์ดอกสีอื่นๆ ได้แก่ พันธุ์แยงกี้ดูเดิ้ล, ดับเบิ้ลดีไลท์, เบลแอนจ์</li>
<li>นอกจากนี้ยังมีกุหลาบสำหรับเด็ดดอกร้อยพวงมาลัย เช่น กุหลาบพันธุ์ฟูซิเลียร์ ซึ่งมีดอกสีส้ม</li>
</ul>2) กุหลาบพวง หรือ ฟลอริบันด้า ( Foribunda หรือ F.) กุหลาบพวงจะมีความแข็งแรงทนทานกว่ากุหลาบตัดดอก ออกดอกดกแต่ดอกไม่ใหญ่เท่ากับกุหลาบตัดดอกแต่มีครบทุกสี และออกดอกเป็นช่อทีละหลายๆ ดอก จึงนิยมเรียกว่ากุหลาบพวง และมักบานพร้อมกัน ดอกมีขนาดเล็ก พุ่มต้นตั้งตรงสูง ประมาณครึ่งเมตรถึง 1 เมตร เหมาะสมที่จะปลูกในแปลงประดับและในกระถางเช่น พันธุ์ฟูซีเลียร์ , พันธุ์แองเจลเฟส เป็นต้น<br />
3) ประเภทแกรนดิฟลอร่า (Grandiflora หรือ Gr. ) กุหลาบประเภทนี้เป็นกุหลาบลูกผสมระหว่างกุหลาบตัดดอก และกุหลาบพวง มีลักษณะเป็นดอกเดี่ยว แต่ดอกเล็กกว่ากุหลาบตัดดอก มีก้านยาว ต้นโต สูง และแข็งแรง เช่ น พันธุ์คาเมล็อท , พันธุ์คาเสทไนท์ เป็นต้น<br />
4) กุหลาบ หรือ มินิเอเจอร์ (Miniature หรือ Min.) เป็นกุหลาบที่มีขนาดพุ่มต้นเล็ก สูง 1- 2 ฟุต ออกดอกเป็นพวงและดอกมีขนาดเล็ก นิยมปลูกประดับแปลง และใช้เป็นไม้กระถาง เช่น พันธุ์เบบี้ มาสเคอร์เหรด เป็นต้น<br />
5) กุหลาบเลื้อย หรือ ไคลมเบอร์ (Climher หรือ Cl.) กุหลาบชนิดนี้ลำต้นสูงตรง นำไปเลื้อยพันกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดอกมีทั้งเป็นดอกขนาดใหญ่ และดอกเป็นพวง เช่น พันธุ์ดอนจวน , พันธุ์ค็อกเทล เป็นต้น<br />
6) ประเภทโพลีแอนท่า (Polyantha หรือ Pol.) เป็นกุหลาบลูกผสมระหว่างพันธุ์โรซ่า มัลติฟอร่า กับ โรซ่า ไชเนนซิสมีขนาดพุ่มต้นเตี้ย แข็งแรงและทนทานมาก ออกดอกเป็นพวงคล้ายกุหลาบพวง ลักษณะดอกและต้นคล้ายกุหลาบหนูแต่จะแตกต่างกับกุหลาบหนูตรงที่กุหลาบโพลีแอนท่า จะมีหูใบที่มีลักษณะของพันธุโรซ่า มัลติฟลอร่า กุหลาบประเภทนี้ เช่น พันธุ์วายวอน ราเบีย เป็นต้น<br />
7) ประเภทแรมเบลอร์ (Rambler หรือ R) มีลำต้นยาวและอ่อนโค้งออกดอกเป็นพวงและดอกมีขนาดเล็ก เช่น พันธ์ไดโรที เปอร์กิน เป็นต้น<br />
8.) กุหลาบพุ่ม หรือ ซรับโรส (Shrub หรือ S.) ได้แก่กุหลาบพันธุ์ป่าหรือลูกผสมของพันธุ์ป่า ซึ่งมีทรงต้นเป็นพุ่ม ออกดอกเป็นช่อ ดอกมีขนาดเล็กส่วนมากมีกลีบชั้นเดียว เช่น พันธ์โรซ่า นิติด้า , โรซ่า มัลติฟลอร่า, โรซ่า รูโกซ่า เป็นต้น<br />
<br />
<span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small;"></span><br />
<div align="center"><span style="font-family: Tahoma;">การปลูกกุหลาบ (ฟื้นเศรษฐกิจไทยด้วยการเกษตร<u>)</u></span><span style="font-family: MS Sans Serif;"><br />
<img align="left" height="169" hspace="10" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r2.jpg" vspace="10" width="251" /> </span></div><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: black;"><strong>กุหลาบ</strong></span><wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>สวย<wbr></wbr>งาม<wbr></wbr>ยาก<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>หาด<wbr></wbr>อก<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>อื่น<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>เปรียบ<wbr></wbr>เทียบ ได้<wbr></wbr>จน<wbr></wbr>กระทั่ง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ผู้<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ฉายา<wbr></wbr>ว่า <span style="color: red;"><b>"ราชินี<wbr></wbr>แห่<wbr></wbr>งด<wbr></wbr>อก<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr><wbr></wbr>"</b></span> ดัง<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ที่ นิยม<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>อย่าง<wbr></wbr>แพร่<wbr></wbr>หลาย<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ต่าง<wbr></wbr>ประเทศ นอก<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ยัง มี<wbr></wbr>คุณสมบัติ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>เด่น<wbr></wbr>อีก<wbr></wbr>หลาย<wbr></wbr>ประการ สามารถ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ประ<wbr></wbr>โยชน์<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>กว้าง<wbr></wbr>ขวาง เช่น ใช้ เป็น<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>กระ<wbr></wbr>ถาง ไม้<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก ตก<wbr></wbr>แต่ง<wbr></wbr>สถาน<wbr></wbr>ที่ ตลอด<wbr></wbr>จน<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>วัตถุ<wbr></wbr>ดิบ<wbr></wbr>สำหรับ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>เป็น น้ำ<wbr></wbr>มัน<wbr></wbr>หอม<wbr></wbr>ระเหย<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>แห้ง ใน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ค้า<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ยัง<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>เปรียบ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>อีก หลาย<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ว่า สามารถ<wbr></wbr>ควบ<wbr></wbr>คุม<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ง่ายซึ่ง<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>กำหนด<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ดอก ให้<wbr></wbr>ตรงกับเทศกาล<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>สามารถ<wbr></wbr>จำหน่าย<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ราคา<wbr></wbr>ดี และ<wbr></wbr>เนื่อง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ไม้ ที่<wbr></wbr>นิยม<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>คน<wbr></wbr>ทั่ว<wbr></wbr>ไป ดัง<wbr></wbr>นั้น จึง<wbr></wbr>สามารถ<wbr></wbr>หา<wbr></wbr>ตลาด<wbr></wbr>จำหน่าย<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ง่า<wbr></wbr>ยก<wbr></wbr>ว่า<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>อื่น ๆ นอก<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ประเทศ<wbr></wbr>ไทย<wbr></wbr>ยัง<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>หนาว<wbr></wbr>ซึ่ง<wbr></wbr>ต่างกั<wbr></wbr>บ ประเทศ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>แถบ<wbr></wbr>ยุโรป<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>มาก การ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>หนาว<wbr></wbr>ต้อง ปลูก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>เรือน<wbr></wbr>กระจก ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เสีย<wbr></wbr>ค่า<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>จ่าย<wbr></wbr>สูง<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>ส่ง<wbr></wbr>ผล<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ราคา<wbr></wbr>แพง ดัง<wbr></wbr>นั้น ประเทศ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>หนาว<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>สามารถ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ส่ง<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ขาย<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ตลาด<wbr></wbr>ต่าง ประเทศ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ราคา<wbr></wbr>ดี<br />
</span> <blockquote><div align="left"><u><b><span style="font-family: Tahoma;">กุหลาบพันธ์ต่าง ๆ</span></b></u></div></blockquote></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;">กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ประเทศ<wbr></wbr>ไทย<wbr></wbr>ปัจจุบัน<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>หลาย<wbr></wbr>ประเภท<wbr></wbr>ซึ่ง<wbr></wbr>ถ้า แบ่ง<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>สังเขป<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ดัง<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
</span> </dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"><b>1. กุหลาบ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>หรือไฮบริดที </b></span>(Hybrid Tea หรือ HT)J ปกติ<wbr></wbr>มัก ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เดี่ยว<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>โต กลีบ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ซ้อน พุ่ม<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตั้ง<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>สูง<wbr></wbr>ประมาณ 1-2 เมตร กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขาย<wbr></wbr>ทั่ว<wbr></wbr>ไป ตาม<wbr></wbr>ท้อง<wbr></wbr>ตลาด<wbr></wbr>ขณะ<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>มัก<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ประเภท<wbr></wbr>นี้ อย่า งไร ก็<wbr></wbr>ตาม พันธุ์ ไฮบริดที นั้น มิ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ใช้บลูก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ทุก<wbr></wbr>พันธุ์ ดัง<wbr></wbr>นั้น จำ<wbr></wbr>เป็น ต้อง<wbr></wbr>คัด<wbr></wbr>เลือก<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เหมาะ<wbr></wbr>สม<wbr></wbr>สำหรับ<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>ละ<wbr></wbr>ท้อง<wbr></wbr>ที่ ลักษณะ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เหมาะ<wbr></wbr>สม<wbr></wbr>สำหรับ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ใช้ เป็น<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>สำหรับ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก คือ<wbr></wbr><wbr></wbr> </span><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img align="left" height="177" hspace="10" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r3.jpg" vspace="5" width="153" /> 1. แข็ง<wbr></wbr>แรง ต้น<wbr></wbr>โต เลี้ยง<wbr></wbr>ง่ายและ<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
2. ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>สม่ำเสมอ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>โทรม<wbr></wbr>ไว<wbr></wbr>เมื่อ<wbr></wbr>ถูก<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>มาก ๆ<wbr></wbr><br />
3. ทน<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>โรค<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>พอ<wbr></wbr>สม<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
4. ลำ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตั้ง<wbr></wbr>ตรง ซึ่ง<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ชิด<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ประ<wbr></wbr>หยัด<wbr></wbr>เนื้อ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
5. ให้กิ่งก้าน<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>ตรง มี<wbr></wbr>หนาม<wbr></wbr>น้อย ใบ<wbr></wbr>งาม<wbr></wbr>สมดุลกับกิ่ง<wbr></wbr><br />
6. ฟอร์มด<wbr></wbr>อก<wbr></wbr>ดี ทรง<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>แบบ<wbr></wbr>แจ<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ปลาย<wbr></wbr>กลีบ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>แหลม<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
7. กลีบ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ซ้อน<wbr></wbr>หนา<wbr></wbr>เกิน<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>จน<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>บาน<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
8. กลีบ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>หนา ทน<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>บรรจุ<wbr></wbr>หีบ<wbr></wbr>ห่อ<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ขน<wbr></wbr>ส่ง<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
9. ดอก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>สะดุด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>เปลี่ยน<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>เมื่อ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>โรย<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
10. ไม่<wbr></wbr>เหี่ยว<wbr></wbr>เฉา<wbr></wbr>ง่ายหลัง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
11. ดอก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>กลิ่น<wbr></wbr>หอม (ถ้า<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ได้) </span><br />
<br />
<center><table><tbody>
<tr><td><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="159" hspace="20" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r4.jpg" width="162" /> </span></td><td><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="159" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r5.jpg" width="162" /></span></td></tr>
<tr><th><span style="font-family: MS Sans Serif;">พันธุ์เรด</span><wbr><span style="font-family: MS Sans Serif;">มาสเตอร์พีช</span><wbr><span style="font-family: MS Sans Serif;"> </span></wbr></wbr></th><th><span style="font-family: MS Sans Serif;">พันธุ์<wbr>แก<wbr>รนด์มาสเตอร์พีช<wbr></wbr></wbr></wbr></span></th></tr>
</tbody></table></center></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;">ปัจจุบัน<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>นิยม<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ประเทศ<wbr></wbr>ไทย<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>มาย<wbr></wbr>หลาย<wbr></wbr>พันธุ์ แต่<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>กรม<wbr></wbr>ส่ง<wbr></wbr>เสริม<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>เกษตร<wbr></wbr>แนะ<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ดัง<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
</span> </dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="14" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/ball1.gif" width="14" />พันธุ์<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>แดง ได้<wbr></wbr>แก่ พันธุ์บรา<wbr></wbr>โว<wbr></wbr><wbr></wbr>. เรด<wbr></wbr>มาสเตอร์พีช<wbr></wbr>, คริสเตียนดิออร์<wbr></wbr>, โอ<wbr></wbr>ลิมเปียด<wbr></wbr>, นอ<wbr></wbr>ริ<wbr></wbr>ค้า<wbr></wbr><wbr></wbr>, แก<wbr></wbr>รนด์มาสเตอร์พีช<wbr></wbr>, ปา<wbr></wbr>ปา<wbr></wbr>มิลแลนด์<wbr></wbr>, เวก้า<wbr></wbr><br />
</span> </dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="14" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/ball1.gif" width="14" />พันธุ์<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>เหลือง ได้<wbr></wbr>แก่ พันธุ์<wbr></wbr>คิงส์แรนซัม<wbr></wbr>, ซันคิงส์<wbr></wbr>, เฮ<wbr></wbr>สมุดสมิดท์<wbr></wbr>,นิวเดย์ โอ<wbr></wbr>รี<wbr></wbr>โกลด์ และเมลิ<wbr></wbr>ลอน<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
</span> </dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="14" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/ball1.gif" width="14" />พันธุ์<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ส้ม ได้<wbr></wbr>แก่ พันธุ์ซันดาวน์เนอร์<wbr></wbr>, แซนดรา<wbr></wbr><wbr></wbr>, ซุปเปอร์สตาร์หรือทรอพปิคา<wbr></wbr>นา<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
</span> </dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="14" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/ball1.gif" width="14" />พันธุ์<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ชมพู ได้<wbr></wbr>แก่ พันธุ์<wbr></wbr>มิ<wbr></wbr>สออลอเมริกา<wbr></wbr>บิวตี้ หรือ<wbr></wbr>มาเรีย<wbr></wbr>, คา<wbr></wbr>สลาส<wbr></wbr>, ไอเฟลทาวเวอร์<wbr></wbr>, สวาท<wbr></wbr>มอร์<wbr></wbr>, เฟรนด์ชิพ<wbr></wbr>, เพอร์ฟูม<wbr></wbr>ดีไลท์<wbr></wbr>, จู<wbr></wbr>วัง<wbr></wbr>แซล<wbr></wbr>, เฟิร์สท์ไพรซ์<wbr></wbr>, อเควเรียส<wbr></wbr>, ซูซาน<wbr></wbr>แฮม<wbr></wbr>เชียร์<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
</span> </dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="14" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/ball1.gif" width="14" />พันธุ์<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ขาว ได้<wbr></wbr>แก่ พันธุ์<wbr></wbr>ไวท์คริสต์<wbr></wbr>มาส เอ<wbr></wbr>ที<wbr></wbr>นา<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
</span> </dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="14" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/ball1.gif" width="14" />พันธุ์<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>อื่นๆ ได้<wbr></wbr>แก่ พันธุ์<wbr></wbr>แยง<wbr></wbr>กี้<wbr></wbr>ดูเดิ้ล<wbr></wbr>, ดับเบิ้ลดีไลท์<wbr></wbr>, เบลแอนจ์<wbr></wbr><br />
</span> </dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;">นอก<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>ยัง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>สำหรับ<wbr></wbr>เด็ด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ร้อย<wbr></wbr>พวง<wbr></wbr>มาลัย เช่น กุหลาบ<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>ฟู<wbr></wbr>ซิ<wbr></wbr>เลียร์ ซึ่ง<wbr></wbr>มีด<wbr></wbr>อก<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ส้ม </span><br />
<center><table><tbody>
<tr><td><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="120" hspace="20" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r6.jpg" width="169" /> </span></td><td><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="120" hspace="20" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r7.jpg" width="169" /></span></td></tr>
<tr><th><span style="font-family: MS Sans Serif;">พันธุ์</span><wbr><span style="font-family: MS Sans Serif;">นิวเดย์</span><wbr><span style="font-family: MS Sans Serif;"> </span></wbr></wbr></th><th><span style="font-family: MS Sans Serif;">พันธุ์<wbr>มิ<wbr>สออลอเมริกัน<wbr>บิวตี้<wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></span></th></tr>
</tbody></table><br />
<table><tbody>
<tr><td><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img height="149" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r8.jpg" width="234" /></span></td></tr>
<tr><th><span style="font-family: MS Sans Serif;">พันธุ์<wbr>เพอร์ฟูม<wbr>ดีไลท์<wbr></wbr></wbr></wbr></span></th></tr>
</tbody></table></center></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"><b>2. กุหลาบ<wbr></wbr>พวง หรือ ฟลอริ<wbr></wbr>บันด้า ( Foribunda หรือ F.)</b></span> กุหลาบ<wbr></wbr>พวง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>แข็ง<wbr></wbr>แรง<wbr></wbr>ทน<wbr></wbr>ทาน<wbr></wbr>กว่า<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ดก<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ใหญ่<wbr></wbr>เท่ากับกุหลาบ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ครบ<wbr></wbr>ทุก<wbr></wbr>สี และ<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ช่อ<wbr></wbr>ที<wbr></wbr>ละ<wbr></wbr>หลาย ๆ ดอก จึง<wbr></wbr>นิยม<wbr></wbr>เรียก<wbr></wbr>ว่า<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>พวง และ<wbr></wbr>มัก<wbr></wbr>บาน<wbr></wbr>พร้อม<wbr></wbr>กัน ดอก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>เล็ก พุ่ม<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตั้ง<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>สูง ประมาณ<wbr></wbr>ครึ่ง<wbr></wbr>เมตร<wbr></wbr>ถึง 1 เมตร เหมาะ<wbr></wbr>สม<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ประดับ<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>กระ<wbr></wbr>ถาง<wbr></wbr>เช่น พันธุ์<wbr></wbr>ฟู<wbr></wbr>ซี<wbr></wbr>เลียร์<wbr></wbr>, พันธุ์<wbr></wbr>แองเจลเฟส<wbr></wbr> </span></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"><b>3. ประเภท<wbr></wbr>แก<wbr></wbr>รนดิฟลอร่า (Grandiflora หรือ Gr. )</b></span> กุหลาบ<wbr></wbr>ประเภท<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ลูก<wbr></wbr>ผสม<wbr></wbr>ระหว่าง<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก และ<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>พวง มี<wbr></wbr>ลักษณะ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เดี่ยว แต่<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เล็ก<wbr></wbr>กว่า<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก มี<wbr></wbr>ก้าน<wbr></wbr>ยาว ต้น<wbr></wbr>โต สูง และ<wbr></wbr>แข็ง<wbr></wbr>แรง เช่ น พันธุ์<wbr></wbr>คาเมล็อท<wbr></wbr>, พันธุ์<wbr></wbr>คา<wbr></wbr>เสทไนท์<wbr></wbr> </span></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"><b>4. กุหลาบ หรือ มิ<wbr></wbr>นิ<wbr></wbr>เอ<wbr></wbr>เจอร์ (Miniature หรือ Min.) </b></span>เป็น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>พุ่ม<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>เล็ก สูง 1- 2 ฟุต ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>พวง<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>เล็ก นิยม<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ประดับ<wbr></wbr>แปลง และ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>กระ<wbr></wbr>ถาง เช่น พันธุ์เบบี้ มาสเคอร์เห<wbr></wbr>รด<wbr></wbr><wbr></wbr> </span></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"><b>5. กุหลาบ<wbr></wbr>เลื้อย หรือ ไค<wbr></wbr>ลม<wbr></wbr>เบอร์ (Climher หรือ Cl.) </b></span>กุหลาบ<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>ลำ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>สูง<wbr></wbr>ตรง นำ<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>เลื้อย<wbr></wbr>พันกับสิ่ง<wbr></wbr>ต่าง ๆ ได้<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>ใหญ่ และ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>พวง เช่น พันธุ์<wbr></wbr>ดอน<wbr></wbr>จวน<wbr></wbr><wbr></wbr>, พันธุ์<wbr></wbr>ค็อกเทล<wbr></wbr><wbr></wbr> </span></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"><b>6. ประเภท<wbr></wbr>โพ<wbr></wbr>ลี<wbr></wbr>แอนท่า (Polyantha หรือ Pol.) </b></span>เป็น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ลูก<wbr></wbr>ผสม<wbr></wbr>ระหว่าง<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>โร<wbr></wbr>ซ่า มัลติฟอร่า กับ โร<wbr></wbr>ซ่า ไชเนนซิ<wbr></wbr>สมี<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>พุ่ม<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>เตี้ย แข็ง<wbr></wbr>แรง<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ทน<wbr></wbr>ทาน<wbr></wbr>มาก ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>พวง<wbr></wbr>คล้าย<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>พวง ลักษณะ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>คล้าย<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>หนู<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>แตก<wbr></wbr>ต่างกับกุหลาบ<wbr></wbr>หนู<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>โพ<wbr></wbr>ลี<wbr></wbr>แอนท่า<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>หู<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ลักษณะ<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>พันธุ<wbr></wbr>โร<wbr></wbr>ซ่า มัลติฟลอร่า กุหลาบ<wbr></wbr>ประเภท<wbr></wbr>นี้ เช่น พันธุ์<wbr></wbr>วาย<wbr></wbr>วอน ราเบีย<wbr></wbr> </span></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"><b>7. ประเภท<wbr></wbr>แรมเบลอร์ (Rambler หรือ R) </b></span>มี<wbr></wbr>ลำ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>อ่อน<wbr></wbr>โค้ง<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>พวง และ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>เล็ก เช่น พันธ์ไดโร<wbr></wbr>ที เปอร์กิน<wbr></wbr><wbr></wbr> </span></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"><b>8. กุหลาบ<wbr></wbr>พุ่ม หรือซรับ<wbr></wbr>โรส (Shrub หรือ S.) </b></span>ได้<wbr></wbr>แก่<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>ป่า<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ลูก<wbr></wbr>ผสม<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>ป่า ซึ่ง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ทรง<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>พุ่ม ออก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ช่อ ดอก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>เล็ก<wbr></wbr>ส่วน<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>กลีบ<wbr></wbr>ชั้น<wbr></wbr>เดียว เช่น พันธ์<wbr></wbr>โร<wbr></wbr>ซ่า นิติด้า<wbr></wbr>, โร<wbr></wbr>ซ่า มัลติฟลอร่า<wbr></wbr><wbr></wbr>, โร<wbr></wbr>ซ่า รู<wbr></wbr>โก<wbr></wbr>ซ่า</span> <blockquote><u><b><span style="font-family: Tahoma;">การเตรียมดินและการปลูก</span></b></u><br />
ถึง<wbr></wbr>แม้<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>เกือบ<wbr></wbr>ทุก<wbr></wbr>ชนิด แต่<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต่าง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ย่อม<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้ การ<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>เลว<wbr></wbr>ต่าง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ไป ดัง<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>ก่อน<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>เตรียม<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ดัง<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr><wbr></wbr> <br />
ใน<wbr></wbr>ภาค<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr>ซึ่ง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>สภาพ<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ค่อน<wbr></wbr>ข้าง<wbr></wbr>เหนียว และ<wbr></wbr>ค่อน<wbr></wbr>ข้าง<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>กรด<wbr></wbr>จัด ระดับ น้ำ<wbr></wbr>ใต้<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>สูง เกษตร<wbr></wbr>กร<wbr></wbr>ผู้<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>นิยม<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>แบบ<wbr></wbr>ร่อง<wbr></wbr>สวน ซึ่ง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>คู<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>คั่น<wbr></wbr>กลาง โดย<wbr></wbr>เริ่ม<wbr></wbr>เตรียม<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>แล้ง คือ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>ฟัน<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ตาก<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>แห้ง เพื่อ<wbr></wbr>กำจัด<wbr></wbr>วัช<wbr></wbr>พืช ก่อน ใน<wbr></wbr>ขณะ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ตาก<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>โรย<wbr></wbr>ปูน<wbr></wbr>ขาว<wbr></wbr>ลง<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ได้ เมื่อ<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>แห้ง<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>กลับ หน้า<wbr></wbr>ดิน และ<wbr></wbr>ชัก<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>ละ<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขอบ<wbr></wbr>สูง ตรง<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>แอ่ง<wbr></wbr>เล็ก<wbr></wbr>น้อย ขนาด ของ<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>กว้าง<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>ตาม<wbr></wbr>พื้น<wbr></wbr>ที่เดิมที่<wbr></wbr>เคย<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ผัก<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>แล้ว การ<wbr></wbr>วาง<wbr></wbr>ระยะ<wbr></wbr>ห่าง<wbr></wbr>ของ ต้น<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ระยะ 50 x 50 เซนติเมตร จำนวน<wbr></wbr>แถว<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>ละ<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ควร เกิน 3 แถว เพื่อ<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>สะดวก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งตรง<wbr></wbr>แถว<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr><wbr></wbr> </blockquote><blockquote>สำหรับ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ภาค<wbr></wbr>อื่น<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>สภาพ<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ค่อน<wbr></wbr>ข้าง<wbr></wbr>ร่วน<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ร่วน<wbr></wbr>ปน<wbr></wbr>ทราย อาจ ปลูก<wbr></wbr>แบบ<wbr></wbr>เจาะ<wbr></wbr>หลุม<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>แยก<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>วัด<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กว้าง 1 .20 เมตร เว้น<wbr></wbr>ทางเดิน 1 เมตร ความ<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ตาม<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>พื้น<wbr></wbr>ที่ และ<wbr></wbr>ใช้ ระยะ<wbr></wbr>ปลูก 60 x60 เซนติเมตร ซึ่ง<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>จำนวน<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ประมาณ 2,000 ต้น<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>ไร่ (หรือ ทำ<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กว้าง 1เมตร เว้น<wbr></wbr>ทางเดิน 1 เมตร และ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ระยะ<wbr></wbr>ปลูก 50 x 50 เซนติเมตร สำหรับ<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ทรง<wbr></wbr>พุ่ม<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>แผ่<wbr></wbr>กว้าง<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>นัก) ก่อน<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>หว่าน ปูน<wbr></wbr>ขาว<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ไถ<wbr></wbr>พรวน<wbr></wbr>ตาก<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ไว้<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>แห้ง<wbr></wbr><wbr></wbr> <br />
กุหลาบ<wbr></wbr>สามารถ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>กรด<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ด่าง แต่<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ดิน ที่<wbr></wbr>ค่อน<wbr></wbr>ข้าง<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>กรด<wbr></wbr>เล็ก<wbr></wbr>น้อย คือ<wbr></wbr>มี pH ประมาณ 4.5-6.5 ถ้า<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>กรด<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เติม ปูน<wbr></wbr>ขาว 60-100 กิโลกรัม<wbr></wbr>ต่อ 100 ตา<wbr></wbr>ราง<wbr></wbr>วา แต่<wbr></wbr>ถ้า<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ด่าง<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ใส่<wbr></wbr>กำมะถัน<wbr></wbr>ผง 20-50 กิโลกรัม<wbr></wbr>ต่อ 100 ตา<wbr></wbr>ราง<wbr></wbr>วา เมื่อ<wbr></wbr>เตรียม<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>เรียบ<wbr></wbr>ร้อย<wbr></wbr>แล้ว ให้<wbr></wbr>ขุด<wbr></wbr>หลุม ปลูก<wbr></wbr>กว้าง<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ลึก 30 x 30 เซนติเมตร (ถ้า<wbr></wbr>เตรียม<wbr></wbr>หลุม<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กว้าง<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ลึก<wbr></wbr>กว่า<wbr></wbr>นี้ จะ เป็น<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ยิ่ง<wbr></wbr>ขึ้น) จาก<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ใส่<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>คอก เช่น ขี้<wbr></wbr>เป็ด ขี้<wbr></wbr>ไก่ ขี้<wbr></wbr>วัว ฯลฯ ประมาณ<wbr></wbr>หลุม<wbr></wbr>ละ 1 บุ้ง<wbr></wbr>กี๋ ใส่<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>ซุปเปอร์ฟอสเฟต หรือ<wbr></wbr>กระดูก<wbr></wbr>ป่น<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>รอง<wbr></wbr>ก้น<wbr></wbr>หลุม ๆ ละ 1 กำ<wbr></wbr>มือ คลุก<wbr></wbr>เคล้า<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เข้า<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>นำกิ่งพันธุ์<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ซึ่ง<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เป็นกิ่งตอน<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา ลง<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ปลูก กลบ<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>โคน<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>กระชับ<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ชุ่ม<wbr></wbr><wbr></wbr> <br />
กิ่งพันธุ์<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>นิยม<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>เพื่อ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ค้า<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ปัจจุบัน ได้<wbr></wbr>แก่ กิ่งตัด<wbr></wbr>ชำ และกิ่งตอน<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>เกษตร<wbr></wbr>กร<wbr></wbr>บาง<wbr></wbr>ราย<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา แต่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>น้อย<wbr></wbr>ราย<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<u><b><span style="font-family: Tahoma;">การขยายพันธ์</span></b></u><br />
<b><span style="color: blue;">การ<wbr></wbr>ขยาย<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>นิยม<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>มี 3 วิธี คือ<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> <br />
<b><span style="color: green;">1. การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ชำ<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> <br />
วิธี<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ชำ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>นิยม<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ทั่ว<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>คือ เลือกกิ่งกุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>แก่<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>อ่อน จน<wbr></wbr>เกิน<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ท่อน<wbr></wbr>ประมาณ 12-15 เซนติเมตร หรือ 1 คืบ รอย<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ต้อง อยู่<wbr></wbr>ใต้<wbr></wbr>ข้อ<wbr></wbr>พอ<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>โคนกิ่งอ<wbr></wbr>อก จาก<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>เฉือน<wbr></wbr>โคน<wbr></wbr>ทิ้ง แล้ว<wbr></wbr>จุ่ม<wbr></wbr>โคนกิ่งตัด<wbr></wbr>ชำ<wbr></wbr>นี้ ใน<wbr></wbr>ฮอร์โมน<wbr></wbr>เร่ง<wbr></wbr>ราก เซ่น เซอรา<wbr></wbr>ดิกส์ เบอร์ 2 (เพื่อ<wbr></wbr>ช่วย<wbr></wbr>เร่ง<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ราก<wbr></wbr>เร็ว<wbr></wbr>ขึ้น) แล้ว<wbr></wbr>ผึ่ง ให้<wbr></wbr>แห้ง<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ปัก<wbr></wbr>ชำ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>หมอก<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr>แจ้ง ถ้า<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>หมอก<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ใช้เครื่องพ่น<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>รดสนาม<wbr></wbr>หญ้า<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ระยะ ๆ ตาม<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>จำ<wbr></wbr>เป็น โดย<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>หลัก<wbr></wbr>ว่า<wbr></wbr>อย่า ให้<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>แห้ง กิ่งกุหลาบ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ราก<wbr></wbr>ใน 12-15 วัน แล้ว<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>พันธุ์ การ<wbr></wbr>ชำกิ่งนี้ นิยม<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ปัจจุบัน<wbr></wbr>เพราะ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>จำนวน<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ระยะ<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>สั้น<wbr></wbr>เสีย<wbr></wbr>ค่า<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>จ่าย น้อย<wbr></wbr>แต่กิ่งชำ<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>เมื่อ<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>โทรม<wbr></wbr>เร็ว<wbr></wbr>ภาย<wbr></wbr>ใน 3- 4 ปี ซึ่ง<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>เหลือง และ<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ขาว<wbr></wbr>มัก<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ราก<wbr></wbr>ยาก<wbr></wbr><wbr></wbr> </blockquote><center><table><tbody>
<tr><th><img height="108" hspace="20" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r9.jpg" width="119" /> </th><th><img height="105" hspace="20" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r10.jpg" width="120" /></th></tr>
<tr><th>ตัดกิ่งกุหลาบ<wbr>เป็น<wbr>ท่อน<wbr>ประมาณ 12-15 ซม. </wbr></wbr></wbr></th><th>เฉือน<wbr>โคนกิ่งทิ้ง<wbr><wbr></wbr></wbr></wbr></th></tr>
</tbody></table><table><tbody>
<tr><th><img height="123" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r11.jpg" width="151" /></th></tr>
<tr><th>จุ่ม<wbr>โคนกิ่งตัด<wbr>ชำ<wbr>ใน<wbr>ฮอร์โมน<wbr>เร่ง<wbr>ราก<wbr><wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></th></tr>
</tbody></table></center><blockquote><b><span style="color: green;">2. การ<wbr></wbr>ตอน<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b><br />
กิ่งที่<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ตอน<wbr></wbr>มัก<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>จากกิ่งที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>สภาพ<wbr></wbr>แตก<wbr></wbr>ต่าง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>ทั้งกิ่งอ่อน<wbr></wbr>และกิ่งแก่ คละ<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>หลัง<wbr></wbr>ลง<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>สม่ำเสมอ ซึ่ง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตอน<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>เกิด<wbr></wbr>ราก<wbr></wbr>นาน<wbr></wbr>ประมาณ 4-7 สัปดาห์ ทั้ง<wbr></wbr>นี้ แล้ว<wbr></wbr>แต่ พันธุ์<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ตอน<wbr></wbr><wbr></wbr> <br />
<b><span style="color: green;">3. การ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b><br />
วิธี<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>ค่อน<wbr></wbr>ข้าง<wbr></wbr>ยุ่ง<wbr></wbr>ยาก<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ทำ นาน<wbr></wbr>กว่า 2 วิธี<wbr></wbr>แรก<wbr></wbr>คือ ตั้ง<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>เริ่ม<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ชำ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>ป่า<wbr></wbr>จน<wbr></wbr>ถึง<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ที<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>ออก ดอก<wbr></wbr>แรก<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>ประมาณ 5-6 เดือน โดย<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ขั้น<wbr></wbr>แรก<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ชำ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>ป่า (ของ<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ป่า) ให้<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ราก<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>เลี้ยง<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>ป่า<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>แตก<wbr></wbr>ยอด<wbr></wbr>ใหม่<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>เกิน 1 ฟุต ขึ้น<wbr></wbr>ไป ซึ่ง<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>ประมาณ 3 เดือน (หลัง<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ชำ<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ราก) จาก<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>นำ ตา<wbr></wbr>พันธุ์<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>บริเวณ<wbr></wbr>โคน<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>ป่า การ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>อาศัย ฝี<wbr></wbr>มือ<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>ชำนาญ<wbr></wbr>พอ<wbr></wbr>สม<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ใช้วิการ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>แบบ<wbr></wbr>ใด<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ได้ เช่น แบบ<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>ที เป็น<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr><wbr></wbr> <br />
<b><span style="color: red;">วิธี<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> วิธี<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ผล<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>คือ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>แบบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เรียก<wbr></wbr>ว่า<wbr></wbr>รูป<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>ที หรือ แบบ<wbr></wbr>โล่ มี<wbr></wbr>วิธี<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ดัง<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>คือ<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
1. เลือก<wbr></wbr>บริเวณ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา ซึ่ง<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ทั่ว<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>พยายาม<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ต่ำ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>สุด เท่า<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>คือ ประมาณ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>เกิน 3 นิ้ว นับ<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>ผิว<wbr></wbr>ดิน แล้ว<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>กรรไกร<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>มีด ตัด<wbr></wbr>หนาม<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>บริเวณ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>รอบกิ่ง<wbr></wbr><br />
2. ใช้<wbr></wbr>ปลาย<wbr></wbr>มีด<wbr></wbr>กรีด<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เปลือก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>รูป<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>ที แล้ว<wbr></wbr>เผยอ<wbr></wbr>เปลือก<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>กรีด ด้าน<wbr></wbr>บน<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เปิด<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>เล็ก<wbr></wbr>น้อย<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
3. เฉือน<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>รูป<wbr></wbr>โล่ ให้<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>ตำ<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>ประมาณ 1 นิ้ว และ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>นั้น มี<wbr></wbr>เนื้อ<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>เพียง<wbr></wbr>บางๆ ไม่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>แกะ<wbr></wbr>เนื้อ<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>มาก ให้<wbr></wbr>ลอก<wbr></wbr>เนื้อ<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>อย่าง ระ<wbr></wbr>มัด<wbr></wbr>ระวัง<wbr></wbr>อย่า<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>โค้ง<wbr></wbr>งอ<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>บอบ<wbr></wbr>ช้ำ<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
4. นำ<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>เสียบ<wbr></wbr>ลง<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>กรีด<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>อย่าง<wbr></wbr>ระ<wbr></wbr>มัด<wbr></wbr>ระวัง<wbr></wbr>อย่า<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ช้ำ โดย<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>มือ<wbr></wbr>ซ้าย<wbr></wbr>จับ<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>ตา (ตรง<wbr></wbr>ก้าน<wbr></wbr>ใบ) ค่อย ๆ กด<wbr></wbr>ลง<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ขณะ<wbr></wbr>เดียว<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>มือ<wbr></wbr>ขวา ก็<wbr></wbr>ค่อย<wbr></wbr>เปิด<wbr></wbr>เปลือก<wbr></wbr>ช่วย แล้ว<wbr></wbr>พัน<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>พลาสติก<wbr></wbr><br />
เพื่อ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>เร็ว<wbr></wbr>ขึ้น ควร<wbr></wbr>ปล่อย<wbr></wbr>ให้กิ่งใหม่<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>จน<wbr></wbr>กระทั่ง กิ่งใหม่<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>พอ<wbr></wbr>สม<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>เหนือกิ่งใหม่<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>หมด สำหรับ พลาสติก ที่<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ปล่อย<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ผุ<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>หลุด<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>เอง<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ถ้า<wbr></wbr>เห็น<wbr></wbr>ว่า<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>พลาสติก<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>รัด ต้นเดิมแน่น<wbr></wbr>เกิน<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ขัด<wbr></wbr>ขวาง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>ของกิ่งใหม่<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>แกะ<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
ส่าหรับกิ่งที่<wbr></wbr>แตก<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>ใหม่<wbr></wbr>นี้ ควร<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ไม้<wbr></wbr>ผูก<wbr></wbr>พยุงกิ่งไว้<wbr></wbr>เสมอ<wbr></wbr>เพราะ<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>จะ เกิด<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ฉีก<wbr></wbr>ขาด<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ง่ายเนื่อง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>ประสาน<wbr></wbr>ยัง<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>แข็ง<wbr></wbr>แรง<wbr></wbr>นัก<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
ใน<wbr></wbr>กรณี<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ผล คือ แผ่น<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>เปลี่ยน<wbr></wbr>เป็น สี<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ตาล<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ดำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>รีบ<wbr></wbr>แกะ<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>พลาสติก<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>แผ่น<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ใหม่<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ด้าน ตรง<wbr></wbr>ข้ามกับของเดิม หาก<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ผล<wbr></wbr>อีก<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>เลี้ยง<wbr></wbr>ดู<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>จน<wbr></wbr>กว่า<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>แผล<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เชื่อม ก้น<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ใหม่<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
สำหรับ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>แบบ<wbr></wbr>ทรง<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>สูง (Standard) นั้น<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>เช่น<wbr></wbr>เดียว<wbr></wbr>กัน เพียง<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>ตำแหน่ง<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ระดับ<wbr></wbr>สูง<wbr></wbr>กว่า<wbr></wbr>เท่า<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>เอง การ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>หรือกิ่<wbr></wbr>ง ขนาด<wbr></wbr>ใหญ่<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>แตก<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ได้<br />
<u><b><span style="font-family: Tahoma;">การให้น้ำกุหลาบ</span></b></u><br />
กุหลาบ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>พืช<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>ชื้น<wbr></wbr>สูง ปริมาณ<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>ลง<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ควร กะ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ซึม<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ลึก<wbr></wbr>ประมาณ 16-18 นิ้ว<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>เว้น<wbr></wbr>ระยะ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>คือ ไม่<wbr></wbr>จำ<wbr></wbr>เป็น ต้อง<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ทุก<wbr></wbr>วัน (ทั้ง<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>ขึ้น<wbr></wbr>อยู่กับสภาพ<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ปลูก) มี<wbr></wbr>ข้อ<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>จำ<wbr></wbr>อย่าง<wbr></wbr>ยิ่ง<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ กุหลาบ<wbr></wbr>คือ อย่า<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>โดน<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>เนื่อง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>โรค<wbr></wbr>บาง<wbr></wbr>โรค<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ตาม<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>หรือกิ่งจะ<wbr></wbr>แพร่<wbr></wbr>ระบาด กระจาย<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ง่าย การ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>กระแทก<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>แรงๆ เพราะ<wbr></wbr>เม็ด<wbr></wbr>ดิน จะ<wbr></wbr>กระเด็น<wbr></wbr>ขึ้น<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>จับ<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>กุหลาบ ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เชื้อ<wbr></wbr>โรค<wbr></wbr>บาง<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>อาศัย<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ระบาด<wbr></wbr>กลับ ขึ้น<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ง่ายและ<wbr></wbr>ถ้า<wbr></wbr>จำ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เปียก<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ตอน<wbr></wbr>เช้า<br />
<u><b><span style="font-family: Tahoma;">การใส่ปุ๋ย</span></b></u><br />
ใน<wbr></wbr>ระยะ<wbr></wbr>แรก<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ระยะ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>สร้าง<wbr></wbr>ใบ และกิ่ง ควร<wbr></wbr>ใส่<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>เคมี<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>สูตร<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>แรก<wbr></wbr>คือ<wbr></wbr>ไนโตรเจน<wbr></wbr>สูง โดย<wbr></wbr>ใส่<wbr></wbr>ทุก 15 หรือ 30 วัน อัตรา<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ใส่ 1 กำ<wbr></wbr>มือ<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>ต้น ก่อน<wbr></wbr>ใส่<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>พรวน<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ตื้นๆ อย่า<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>กระ<wbr></wbr>ทบ ราก<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>นัก แล้ว<wbr></wbr>โรย<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>รอบ ๆ ต้น<wbr></wbr>ห่าง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>โคน<wbr></wbr>ต้น 4-6 นิ้ว<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>ของ ทรง<wbr></wbr>พุ่ม จาก<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ตาม<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ซุ่ม (แต่<wbr></wbr>อย่า<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>จน<wbr></wbr>โชก) เมื่อ<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>เริ่ม<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ดอก ควร<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>เคมี<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ฟอสฟอรัส<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>โปแตสเซี่<wbr></wbr>ยม<wbr></wbr>สูง<wbr></wbr>ควบ<wbr></wbr>คู่<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>เพื่อ<wbr></wbr>เร่ง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>ดอก และ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ก้าน<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>แข็ง<wbr></wbr>แรง นอก<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>ทางใบ<wbr></wbr>เพิ่ม<wbr></wbr>เติม<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ดี ข้อ<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>ระวัง<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ใส่<wbr></wbr>ปุ๋ย หลัง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>คือ<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>โรย<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>กระจาย<wbr></wbr>รอบ ๆ ต้น อย่าง<wbr></wbr>สม่ำเสมอ<wbr></wbr>อย่า<wbr></wbr>ใส่<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>กระจุก ๆ ที่<wbr></wbr>จุด<wbr></wbr>ใด<wbr></wbr>จุด<wbr></wbr>หนึ่ง<wbr></wbr>เพราะ<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เกิด<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>เสีย<wbr></wbr>หาย ต่อ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ได้ เนื่อง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>เข้ม<wbr></wbr>ข้น<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>จุด<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ใส่<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>เกิน<wbr></wbr>ไป<br />
<u><b><span style="font-family: Tahoma;">การป้องกันและกำจัดวัชพืชในแปลงปลูก</span></b></u><br />
อาจ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>แรง<wbr></wbr>งาน<wbr></wbr>คน<wbr></wbr>เก็บ<wbr></wbr>ถอน<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี<wbr></wbr>กำจัด<wbr></wbr>วัช<wbr></wbr>พืช<wbr></wbr>ซึ่ง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>คุม กำเนิด<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ถูก<wbr></wbr>ทำลาย<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตาย (อัตรา<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ระบุ<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ฉลาก<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ขวด) ข้อควร<wbr></wbr>ระวัง<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี<wbr></wbr>เพื่อ<wbr></wbr>กำจัด<wbr></wbr>วัช<wbr></wbr>พืช<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>คือ พยายาม<wbr></wbr>หลีก<wbr></wbr>เลี่ยง<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ฉีด<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>สาร ให้<wbr></wbr>ถูก<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ถัง<wbr></wbr>ฉีด<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>ปะ<wbr></wbr>ปนกับถัง<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>กำจัด โรค<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>แมลง<br />
<u><b><span style="font-family: Tahoma;">การคลุมดินแปลงปลูก</span></b></u><br />
เนื่อง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>พืช<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>แสง<wbr></wbr>แดด<wbr></wbr>จัด<wbr></wbr>อย่าง<wbr></wbr>น้อย<wbr></wbr>วัน<wbr></wbr>ละ 6 ชั่ว<wbr></wbr>โมง ดัง<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>สถาน<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>โล่ง<wbr></wbr>แจ้ง<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>ชื้น<wbr></wbr>สูง<wbr></wbr>ด้วย การ คลุม<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>จึง<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>สิ่ง<wbr></wbr>จำ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ส่าหรับ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>วัสดุ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>หา<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ง่ายใน ท้อง<wbr></wbr>ถิ่น<wbr></wbr>นั้นๆ เซ่น หญ้า<wbr></wbr>แห้ง ฟาง เปลือก<wbr></wbr>ถั่ว<wbr></wbr>ลิสง ซัง<wbr></wbr>ข้าวโพด ชาน<wbr></wbr>อ้อย ขุย<wbr></wbr>มะพ้า<wbr></wbr>ว แกลบ และ<wbr></wbr>ขี้<wbr></wbr>เลื่อย เป็น<wbr></wbr>ต้น ควร<wbr></wbr>จำ<wbr></wbr>ไว้<wbr></wbr>ว่า<wbr></wbr>วัสดุ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>นำ<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>คลุม<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>เป็น วัสดุ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เก่า คือ เริ่ม<wbr></wbr>สลาย<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>มิ<wbr></wbr>ฉะนั้น<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เกิด<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ขาด<wbr></wbr>ไนโตรเจนกับต้น กุหลาบ ดัง<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>ถ้า<wbr></wbr>ไซ้<wbr></wbr>วัสดุ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>คลุม<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ค่อน<wbr></wbr>ข้าง<wbr></wbr>ใหม่<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>เติม<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>ไนโตรเจน<wbr></wbr>ลง<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ด้วย การ<wbr></wbr>คลุม<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>นอก<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ช่วย<wbr></wbr>รักษา<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>ชื้น<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>อุณหภูมิ<wbr></wbr>รวม<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>เพิ่ม<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>โปร่ง ของ<wbr></wbr>ดิน และ<wbr></wbr>เพิ่ม<wbr></wbr>อินทรียวัตถุ<wbr></wbr>ให้กับดิน<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>ยัง<wbr></wbr>ช่วยป็องกัน<wbr></wbr>วัช<wbr></wbr>พืช<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ขืน ช้า<wbr></wbr>อีก<wbr></wbr>ด้วย<br />
<u><b><span style="font-family: Tahoma;">การตัดแต่งกิ่ง</span></b></u><br />
การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งเป็น<wbr></wbr>สิ่ง<wbr></wbr>จำ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>สำหรับ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กุหลาบ ถ้า<wbr></wbr>ผู้<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>มี การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งเลย<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>อย่าง<wbr></wbr>อิสระ แตกกิ่งก้าน<wbr></wbr>มาก เกิน<wbr></wbr>ไป ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>เล็ก ไม่<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ตลาด ดัง<wbr></wbr>นั้น เกษตร<wbr></wbr>กร<wbr></wbr>จึง ควร<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งเพื่อ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>รูป<wbr></wbr>ทรง พุ่ม<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>โคน<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>โปร่ง<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>รับ<wbr></wbr>แสง<wbr></wbr>แดด มาก<wbr></wbr>ขึ้น ดอก<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>มี ขนาด<wbr></wbr>ใหญ่<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>คุณภาพ<wbr></wbr>ดี นอก<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งยัง<wbr></wbr>ช่วย กำจัด<wbr></wbr>โรค<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>แอบ<wbr></wbr>แฝง<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>พุ่ม<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>อีก<wbr></wbr>ด้วย รวม<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>สามารถ<wbr></wbr>แต่ง<wbr></wbr>ดิน ใน<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>สะดวก ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งแล้ว<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ขึ้น<wbr></wbr><wbr></wbr> <br />
<b>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งกุหลาบ<wbr></wbr>สามารถ ทำ<wbr></wbr>ได้ 2 แบบ<wbr></wbr>คือ<wbr></wbr><wbr></wbr></b><br />
<b><span style="color: blue;">1. การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งแบบ<wbr></wbr>ให้เฑลือกิ่งไว้กับต้น<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> คือ ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งอ<wbr></wbr>อก<wbr></wbr>เพียง<wbr></wbr>เล็ก<wbr></wbr>น้อย โดย<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เหลือกิ่งที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>สมบูรณ์<wbr></wbr>ไว้<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>เพื่อ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>อาหาร<wbr></wbr>เลี้ยง<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>มาก การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งมี<wbr></wbr>หลัก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>พิจารณา<wbr></wbr>เลือกกิ่งที่<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>คือกิ่งที่<wbr></wbr>แห้ง<wbr></wbr>ตาย กิ่งที่ เป็น<wbr></wbr>โรค<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ถูก<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>ทำลาย กิ่งไขว้<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เข้า<wbr></wbr>หา<wbr></wbr>ทรง<wbr></wbr>พุ่ม กิ่งที่<wbr></wbr>ล้ม<wbr></wbr>เอน<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ระเบียบ ควร<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>บน<wbr></wbr>สุด<wbr></wbr>ของกิ่งหัน<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>นอก<wbr></wbr>พุ่ม<wbr></wbr>ต้น เพื่อ<wbr></wbr>ให้กิ่งที่<wbr></wbr>แตก<wbr></wbr>ใหม่<wbr></wbr>หัน ออก<wbr></wbr>นอก<wbr></wbr>ทรง<wbr></wbr>พุ่ม<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ตัดกิ่งให้<wbr></wbr>เฉียง 45 องศา สำหรับ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งแบบ<wbr></wbr>ให้ เหลือกิ่งไว้กับต้น<wbr></wbr>ยาว<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ได้กับกุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>จากกิ่งตัด<wbr></wbr>ชำ<wbr></wbr>และกิ่งตอน<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
</blockquote><center><table><tbody>
<tr><th><img height="175" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r12.jpg" width="203" /></th></tr>
<tr><th>การ<wbr>ตัด<wbr>แต่งกิ่งแบบ<wbr>ให้<wbr>เหลือกิ่งไว้กับต้น<wbr>ยาว<wbr><wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></th></tr>
</tbody></table></center><blockquote><b><span style="color: blue;">2. การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งแบบ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เลือกกิ่งไว้กับต้น<wbr></wbr>สั้น<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> คือ ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งจน<wbr></wbr>เหลือกิ่งบน<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>สูง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>พื้น<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ประมาณ 30-45 เซนติเมตร แล้ว<wbr></wbr>เหลือกิ่งไว้ 3-4 กิ่งเท่า<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งแบบ<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr><wbr></wbr><b>ตัด<wbr></wbr>แต่ง<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>เฉพาะ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ติด ตา<wbr></wbr>เพียง<wbr></wbr>อย่าง<wbr></wbr>เดียว<wbr></wbr>เท่า<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr><wbr></wbr></b> ถ้า<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>นั้น<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>อายุ<wbr></wbr>น้อย<wbr></wbr>กว่า 2 ปี ให้<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งแบบ<wbr></wbr>แรก แต่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>เพิ่ม<wbr></wbr>เติม<wbr></wbr>อีก คือ กิ่งแก่<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>และกิ่งชัก<wbr></wbr>เกอร์ (กิ่งของ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>ตอ<wbr></wbr>ซึ่ง<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>กุหลาบ พันธุ์<wbr></wbr>ป่า) <br />
สำหรับ<wbr></wbr>ระยะ<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เหมาะ<wbr></wbr>สม<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่ง คือ ต้น<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>ฝน เมื่อ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่ง กิ่งให้<wbr></wbr>น้อย<wbr></wbr>ลง<wbr></wbr>ตาม<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>ปูน<wbr></wbr>แดง<wbr></wbr>ผสมกับยา<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>รา หรือ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>มัน ทา<wbr></wbr>บน<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>แผล<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>เพื่อ<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>เน่า<wbr></wbr>ลุก<wbr></wbr>ลาม<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>เชื้อ<wbr></wbr>รา<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>รอบ<wbr></wbr>แผล<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ตัด นอก<wbr></wbr>จาก นี้<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>เก็บกิ่งและ<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ออก ทำ<wbr></wbr>ความ<wbr></wbr>สะอาด<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เรียบ<wbr></wbr>ร้อย<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>จึง แต่ง<wbr></wbr>ดิน<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก คือ ไถ<wbr></wbr>พรวน<wbr></wbr>หน้า<wbr></wbr>ดิน ใส่<wbr></wbr>ปุ๋ย<wbr></wbr>คอก ปุ๋ย<wbr></wbr>เคมี รวม<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>วัสดุ คลุม<wbr></wbr>แปลง<wbr></wbr>ปลูก<wbr></wbr>พร้อม<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>รด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ชุ่ม<wbr></wbr>ด้วย จะ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>แตก<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>เร็ว<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ต้น ที่<wbr></wbr>สมบูรณ์ </blockquote><center><table><tbody>
<tr><th><img height="173" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r13.jpg" width="174" /></th></tr>
<tr><th>การ<wbr>ตัด<wbr>แต่งกิ่งแบบ<wbr>ให้<wbr>เหลือกิ่งไว้กับต้น<wbr>สั้น<wbr><wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></wbr></th></tr>
</tbody></table></center><blockquote><u><b><span style="font-family: Tahoma;">การตัดดอกกุหลาบ</span></b></u><br />
การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>เพื่อ<wbr></wbr>จำหน่าย<wbr></wbr>นั้น ควร<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>มีกิ่งเหลือ<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>อย่าง<wbr></wbr>น้อย 2 กิ่<wbr></wbr>ง เสมอ (กิ่งที่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>ย่อย<wbr></wbr>ครบ 5 ใบ) ไม่<wbr></wbr>ควร<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ชิด<wbr></wbr>โคนกิ่ง และ<wbr></wbr>เมื่อ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>จาก ต้น<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>รีบ<wbr></wbr>แช่<wbr></wbr>ก้าน<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ทัน<wbr></wbr>ที<wbr></wbr>เพื่อ<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>สูญ<wbr></wbr>เสีย<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>จากกิ่ง โดย<wbr></wbr>ทั่ว<wbr></wbr>ไป เกษตร<wbr></wbr>กร<wbr></wbr>นิยม<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ตอน<wbr></wbr>บ่าย<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>เย็น หรือ<wbr></wbr>อาจ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ตอน<wbr></wbr>เช้า<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ได้ (เพื่อ<wbr></wbr>จะได้<wbr></wbr>ส่ง<wbr></wbr>ตลาด<wbr></wbr>ทัน<wbr></wbr>เวลา) แต่<wbr></wbr>เนื่อง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>อายุ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>งาน<wbr></wbr>สั้น<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>กลีบ<wbr></wbr>ดอก ก็ช้ำ<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ง่าย ฉะนั้น<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ช่วง<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ยัง<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>เหมาะ<wbr></wbr>สม<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เกิด<wbr></wbr>ปัญหาได้ เช่น ถ้า<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ตูม<wbr></wbr>เกิน<wbr></wbr>ไป ดอก<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>บาน<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>คอด<wbr></wbr>อก<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>โค้ง<wbr></wbr>งอ<wbr></wbr>ง่าย แต่<wbr></wbr>ถ้าตัด<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>บาน<wbr></wbr>เกิน<wbr></wbr>ไป ดอก<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>บาน<wbr></wbr>เร็ว และ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>อายุ<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ปัก<wbr></wbr>แจ<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>สั้น<wbr></wbr><wbr></wbr> </blockquote><br />
<center><img height="320" src="http://web.ku.ac.th/agri/rose/r14.jpg" width="323" /></center><blockquote><u><b><span style="font-family: Tahoma;">โรคและแมลงศัตรูกุหลาบ</span></b></u><br />
<b><span style="color: red;">1. โรค<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>จุด<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เกิด<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>เชื้อ<wbr></wbr>รา มี<wbr></wbr>ลักษณะ<wbr></wbr>อาการ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>จุด<wbr></wbr>ดำ<wbr></wbr>กลม<wbr></wbr>บน<wbr></wbr>ใบ ส่วน<wbr></wbr>ใหญ่จะ<wbr></wbr>เป็นกับใบ<wbr></wbr>แก่จะ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>เหลือง<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ร่วง<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>มา บาง<wbr></wbr>ครั้ง<wbr></wbr>ถ้า<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>อาจ ลุก<wbr></wbr>ลาม<wbr></wbr>มา<wbr></wbr>ที่กิ่งด้วย ระบาด<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>ฝน ควร<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ฉีด<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี เช่น ดูปราวิท ไดเทนเอ็ม<wbr></wbr>-45 แคปแทน เบน<wbr></wbr>เสท และ<wbr></wbr>เบน<wbr></wbr>โน<wbr></wbr>มิล<wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">2. โรค<wbr></wbr>รา<wbr></wbr>แป้ง<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เกิด<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>เชื้อ<wbr></wbr>รา โรค<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เป็นกับยอด<wbr></wbr>อ่อน<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>อ่อน<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ลักษณะ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ปุย<wbr></wbr>ขาว<wbr></wbr>คล้าย<wbr></wbr>แป้ง<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ส่วน<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>พืช<wbr></wbr>ที่เป<wbr></wbr>็นโรค<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>เกิด<wbr></wbr>อาการ<wbr></wbr>หงิก<wbr></wbr>งอ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>เจริญ<wbr></wbr>เติบ<wbr></wbr>โต<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>ไป ระบาด<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>หนาว ควร<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ฉีด<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี เช่น เบน<wbr></wbr>เสท ดา<wbr></wbr>โค<wbr></wbr>นิล และ<wbr></wbr>คา<wbr></wbr>รา<wbr></wbr>แทน<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">3. โรค<wbr></wbr>หนาม<wbr></wbr>ดำ<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เกิด<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>เชื้อ<wbr></wbr>รา<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>เชื้อ<wbr></wbr>รา<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เข้า<wbr></wbr>ทำลาย<wbr></wbr>แผล<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เกิด<wbr></wbr>จากรอย<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>เด็ด<wbr></wbr>หนาม<wbr></wbr>ของกิ่งอ่อน<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>ลุก<wbr></wbr>ลาม<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>เรื่อยๆ ตามกิ่งก้าน ทำ<wbr></wbr>ให้กิ่งก้าน เหี่ยว<wbr></wbr>แห้ง<wbr></wbr>ตาย<wbr></wbr>ไป<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>สุดควร<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ทา<wbr></wbr>แผล<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>ปูน<wbr></wbr>แดง<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">4. โรค<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>จุด<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ตาล<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>โรค<wbr></wbr>ตา<wbr></wbr>กบ<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เกิด<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>เชื้อ<wbr></wbr>รา มี<wbr></wbr>ลักษณะ<wbr></wbr>อาการ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>จุด<wbr></wbr>กลม<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ตาล<wbr></wbr>ขนาด 1/4 นิ้ว แล้ว<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เปลี่ยน<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>วง<wbr></wbr>กลม<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>เทา<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขอบ<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ม่วง-แดง ระบาด<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>ฝน ควร<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี<wbr></wbr>เบน<wbr></wbr>เสท ไดเทน<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>แบน<wbr></wbr>แซด<wbr></wbr>ดี<br />
<b><span style="color: red;">5. โรค<wbr></wbr>ไวรัส<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เกิด<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>เชื้อ<wbr></wbr>ไวรัส ลักษณะ<wbr></wbr>อาการ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ปรากฎ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เห็น<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ใบ โดย<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ด่าง<wbr></wbr>เหลือง เมื่อ<wbr></wbr>พบ<wbr></wbr>ว่า<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>โรค<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ถอน<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>เผา<wbr></wbr>ทำลาย<wbr></wbr>เสีย<br />
<u><b><span style="font-family: Tahoma;">หนอนและแมลงชนิดต่าง ๆ</span></b></u><br />
<b><span style="color: red;">1. หนอน<wbr></wbr>เจาะ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เป็น<wbr></wbr>หนอน<wbr></wbr>ผี<wbr></wbr>เสื้อ<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr>คืน<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>เล็ก<wbr></wbr>ซึ่ง<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>วาง<wbr></wbr>ไข่<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>กลีบ<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ด้าน<wbr></wbr>นอก เมื่อ<wbr></wbr>ไข่<wbr></wbr>ฟัก<wbr></wbr>ออก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>กัด<wbr></wbr>กิน<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>อาศัย<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ดอก ระบาด<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>ช่วง<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ดก<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ช่วง<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>หนาว ควร<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี ประเภท<wbr></wbr>ดูด<wbr></wbr>ซึม เช่น ดิลด<wbr></wbr>ริน ฟอสด<wbr></wbr>ริน<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">2. หนอน<wbr></wbr>กิน<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เป็น<wbr></wbr>หนอน<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ผี<wbr></wbr>เสื้อ<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr>คืน มัก<wbr></wbr>วาง<wbr></wbr>ไข่<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ใต้<wbr></wbr>ใบ เมื่อ<wbr></wbr>ไข่<wbr></wbr>ฟัก<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>หนอน<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ทำลาย<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>อาศัย บาง<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>ทำลาย<wbr></wbr>เฉพาะ<wbr></wbr>ผิว<wbr></wbr>เนื้อ<wbr></wbr>ใต้<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ลักษณะ<wbr></wbr>โปร่ง<wbr></wbr>ใส<wbr></wbr>มอง<wbr></wbr>เห็น<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ชัด<wbr></wbr>เจน สาร<wbr></wbr>เคมี<wbr></wbr>ที่ใซ้ได้<wbr></wbr>ผล<wbr></wbr>ดี เช่น เอนดริน<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">3. หนอน<wbr></wbr>เจาะ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เป็น<wbr></wbr>หนอน<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>ผึ้ง<wbr></wbr>บาง<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>หนอน<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>วัน<wbr></wbr>บาง<wbr></wbr>ชนิด อาจ<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>หนอน<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>พวก<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>แตน<wbr></wbr>ด้วย หนอน<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เจาะ<wbr></wbr>กิน<wbr></wbr>ไส้<wbr></wbr>กลาง และ<wbr></wbr>บริเวณ<wbr></wbr>ท่อ<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ของกิ่งหรือ<wbr></wbr>ต้น ทำ<wbr></wbr>ให้กิ่งและ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>แห้ง<wbr></wbr>ตาย ควร<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>กำจัด<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>การ ตรวจ<wbr></wbr>ดู<wbr></wbr>บริเวณ<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>ต่อ<wbr></wbr>ระหว่างกิ่งแห้ง<wbr></wbr>และกิ่งดี หาก<wbr></wbr>พบ<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>หนอน<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>ทำลาย<wbr></wbr>เสีย<wbr></wbr>หรือ ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ตัด<wbr></wbr>แต่งกิ่งตาม<wbr></wbr>กำหนด<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">4. แมลง<wbr></wbr>ปีก<wbr></wbr>แข็ง<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> บาง<wbr></wbr>ที<wbr></wbr>เรียก<wbr></wbr>ด้วง<wbr></wbr>ปีก<wbr></wbr>แข็ง มี<wbr></wbr>ทั้ง<wbr></wbr>ชนิด<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ดำ<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ตาล<wbr></wbr>ขนาด<wbr></wbr>ประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ออก<wbr></wbr>หา<wbr></wbr>กิน<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr>คืน<wbr></wbr>ระหว่าง 1-3 ทุ่ม โดย<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>กัด<wbr></wbr>กิน<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>กุหลาบ ส่วน<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr>วัน<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ซ่อน<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ตาม<wbr></wbr>กอ<wbr></wbr>หญ้า ป้อง<wbr></wbr>กัน โดย<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี เช่น คลอ<wbr></wbr>เดน หรือ เซพวิน<wbr></wbr><br />
<br />
<b><span style="color: red;">5. ผึ้ง<wbr></wbr>กัด<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> จะ<wbr></wbr>กัด<wbr></wbr>กิน<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>กุหลาบ<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ช่วง<wbr></wbr>เวลา<wbr></wbr>กลาง<wbr></wbr>วัน สังเกต<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>แผล<wbr></wbr>มัก<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>รอย<wbr></wbr>เหมือน<wbr></wbr>ถูก<wbr></wbr>เฉือน<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>มีด<wbr></wbr>คมๆ เป็น<wbr></wbr>รูป<wbr></wbr>โค้ง<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>เช่น<wbr></wbr>เดียวกับแมลง<wbr></wbr>ปีก<wbr></wbr>แข็ง<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<br />
<b><span style="color: red;">6. เพลี้ย<wbr></wbr>ไฟ<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เป็น<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>ปาก<wbr></wbr>ดูด มี<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ตาล<wbr></wbr>ดำ ตัว<wbr></wbr>อ่อน<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ขาว<wbr></wbr>นวล<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ดูด<wbr></wbr>กิน<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>เลี้ยง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ดอก ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ดอก<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ถูก<wbr></wbr>ทำลาย<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>บาน ระบาด<wbr></wbr>มาก<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ฤดู<wbr></wbr>ร้อน ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>การ<wbr></wbr>ฉีด<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>ด้วย<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี เช่น โต<wbr></wbr>กุ<wbr></wbr>ไท<wbr></wbr>ออน คลอ<wbr></wbr>เดน<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>นิโคตินซัลเฟต<wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">7. เพลี้ย<wbr></wbr>แป้ง<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เป็น<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>ปาก<wbr></wbr>ดูด<wbr></wbr>มัก<wbr></wbr>เกาะ<wbr></wbr>กิน<wbr></wbr>ตาม<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>อ่อน<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ง่าม<wbr></wbr>ใบ ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>หงิก<wbr></wbr>งอ ควร<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>กำจัด<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี<wbr></wbr>กำจัด<wbr></wbr>แต่<wbr></wbr>ต้อง<wbr></wbr>ผสม<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคลือบ<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>ลง<wbr></wbr>ไป ด้วย<wbr></wbr>เพราะ<wbr></wbr>บน<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>เพลี้ย<wbr></wbr>แป้ง<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ขน<wbr></wbr>ปุย<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>ขาว<wbr></wbr>ปก<wbr></wbr>คลุม ซึ่ง<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ลักษณะ<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>มัน<wbr></wbr>จับ<wbr></wbr>น้ำ ได้<wbr></wbr>ยาก<wbr></wbr><wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">8. เพลี้ย<wbr></wbr>หอย<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เป็น<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>ปาก<wbr></wbr>ดูด มัก<wbr></wbr>เกาะ<wbr></wbr>ทำลาย<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ดูด<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>เลี้ยง<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>ลำ<wbr></wbr>ต้น จะ<wbr></wbr>สังเกต<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>จุด<wbr></wbr>สี<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>ตาล<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>บนกิ่งของ<wbr></wbr>กุหลาบ เพลี้ย<wbr></wbr>หอย<wbr></wbr>นี้<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ลักษณะ<wbr></wbr>พิเศษ คือ ตัว<wbr></wbr>ของ<wbr></wbr>มัน<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>เปลือก<wbr></wbr>หุ้ม<wbr></wbr>หนา<wbr></wbr>ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>ซึม<wbr></wbr>เข้า<wbr></wbr>ถึง<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ยาก ฉะนั้น<wbr></wbr>วิธี<wbr></wbr>กำจัด<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>ได้<wbr></wbr>ผล<wbr></wbr>ดี<wbr></wbr>ก็<wbr></wbr>คือ ใช้<wbr></wbr>น้ำ<wbr></wbr>มัน<wbr></wbr>ทา<wbr></wbr>หรือ<wbr></wbr>ฉีด<wbr></wbr>พ่น<wbr></wbr>เคลือบ<wbr></wbr>ตัว<wbr></wbr>มัน<wbr></wbr>ไว้ ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>เพลี้ย<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>มี<wbr></wbr>ทางหาย<wbr></wbr>ใจ และ<wbr></wbr>ตาย<wbr></wbr>ใน<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>สุด แต่<wbr></wbr>เมื่อ<wbr></wbr>เพลี้ย<wbr></wbr>ตาย<wbr></wbr>แล้ว<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ไม่<wbr></wbr>หลุด<wbr></wbr>จาก<wbr></wbr>ลำ<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr>จะ<wbr></wbr>ยัง<wbr></wbr>ติด<wbr></wbr>อยู่<wbr></wbr>ที่เดิม<wbr></wbr><br />
<b><span style="color: red;">9. เพลี้ย<wbr></wbr>อ่อน<wbr></wbr><wbr></wbr></span></b> เป็น<wbr></wbr>แมลง<wbr></wbr>ปาก<wbr></wbr>ดูด ทำลาย<wbr></wbr>พืช<wbr></wbr>ตรง<wbr></wbr>บริเวณ<wbr></wbr>ส่วน<wbr></wbr>ที่<wbr></wbr>เป็น<wbr></wbr>ยอด<wbr></wbr>อ่อน<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>อ่อน ทำ<wbr></wbr>ให้<wbr></wbr>ใบ<wbr></wbr>เหลือง<wbr></wbr>และ<wbr></wbr>ร่วง<wbr></wbr>หล่น ควร<wbr></wbr>ป้อง<wbr></wbr>กัน<wbr></wbr>กำจัด<wbr></wbr>โดย<wbr></wbr>ใช้<wbr></wbr>สาร<wbr></wbr>เคมี เช่น ฟอสด<wbr></wbr>ริน เอนดริน และ<wbr></wbr>พา<wbr></wbr>ราไธ<wbr></wbr>ออน เป็น<wbr></wbr>ต้น<wbr></wbr><wbr></wbr></blockquote></dd></div></div></div>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-27814229154560121642011-09-14T08:57:00.001-07:002011-09-22T06:57:34.807-07:00การกรีดยางผลกระทบจากการกรีดยางต้นเล็ก ปัญหานี้ส่วนใหญ่จะพบมากแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพราะมีสภาพอากาศแห้งแล้งกว่าภาคใต้ อีกทั้งช่วงนี้เป็นช่วงที่ยางพารามีราคาแพงทำให้เกษตรเร่งเปิดกรีดยาง ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2011/02/ผลกระทบจากการกรีดยางต้นเล็ก.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="ผลกระทบจากการกรีดยางต้นเล็ก" class="size-medium wp-image-1204" height="225" src="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2011/02/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81.jpg" title="ผลกระทบจากการกรีดยางต้นเล็ก" width="300" /></a></div><div class="wp-caption aligncenter" id="attachment_1204" style="width: 310px;"><div class="wp-caption-text">ผลกระทบจากการกรีดยางต้นเล็ก</div></div><br />
กรมวิชาการเกษตรได้มีการวิจัยออกมาแล้วว่า ถ้าหากเกษตรทำการเร่งกรีดยางที่มีขนาดยังไม่ได้มาตรฐาน(ขนาดมาตรฐานคือ เส้นรอบวง 50 ซม. โดยวัดที่ความสูงจากพื้นดิน 150 ซม.) จะทำให้ต้นยางได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ดังนี้ <br />
<br />
<ul><li>ยางที่มีลำต้นขนาดเล็ก ความหนาของเปลือกจะบาง ส่วนของเปลือกยางจะมีท่อน้ำเลี้ยงเป็นส่วนที่จะสร้างน้ำยางให้ลำต้น ถ้าเปลือกบางจะมีท่อน้ำเลี้ยงน้อยทำให้ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ และจะทำให้ยางเติบโตช้าลงมาก</li>
<li>การกรีดยางต้นเล็ก จะทำให้ผลผลิตน้ำยางลดลงประมาณ 30-60 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับยางขนาด 50 เซ็นติเมตร</li>
<li>การกรีดยางต้นเล็ก ทำให้สิ้นเปลืองหน้าเปลือกมาก ทำให้หน้ากรีดเสียหายมาก เพราะหน้าเปลือกยังบางอยู่ ทำให้ยางพารามีอายุสั้นลง และอาจจะทำให้เกิดปัญหาหน้ายางตายได้ </li>
<li>และการกรีดยางต้นเล็กก็จะส่งผลให้คุณภาพของไม้ยางพาราด้อยลงอีกด้วย (กรณีที่ยางพาราหมดอายุขัยแล้วนำไปทำ<a href="http://www.ไม้.com/"><span style="color: #004d99;">เฟอร์นิเจอร์ไม้</span></a>)</li>
</ul><span style="font-size: large;">วิธีการกรีดยาง...</span><br />
<br />
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=sdDuDEx8vEw">http://www.youtube.com/watch?v=sdDuDEx8vEw</a>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-84874679112474991552011-09-14T08:55:00.000-07:002011-09-14T08:55:02.217-07:00การเกษตรเรื่องการใช้ประโยชน์ถั่วฮามาต้า<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div class="wp-caption aligncenter" id="attachment_1167" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; width: 262px;"><img alt="การใช้ประโยชน์ถั่วฮามาต้า" class="size-full wp-image-1167" height="169" src="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2010/08/hamata.jpg" title="การใช้ประโยชน์ถั่วฮามาต้า" width="252" /> <div class="wp-caption-text">การใช้ประโยชน์ถั่วฮามาต้า</div></div><br />
<br />
<br />
การตัดถั่วฮามาต้ามาให้สัตว์กินครั้งแรก ควรตัดเมื่อถั่วมีอายุ 60-75 วัน โดยให้ตัดสูงจากพื้นดิน 10-15 เซ็นติเมตร สำหรับในกรณีที่ปล่อยสัตว์เข้าแทะเล็ม ควรปล่อยให้แทะเล็มครั้งแรกเมื่อถั่วอายุ 70-80 วัน และหลังจากนั้นจึงจะทำการตัด หรือปล่อยสัตว์เข้าแทะเล็มเป็นช่วงๆในทุกระยะ 30-45 วัน <br />
<br />
ที่มา พืชอาหารสัตว์พันธุ์ดี เอกสารคำแนะนำของ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-53586460566919445222011-09-14T08:52:00.000-07:002011-09-14T08:52:02.995-07:00การเกษตรเรื่องการเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจร<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><div style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="การเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจร" class="size-medium wp-image-892" height="224" src="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2010/02/fa-ta-lay-jon-300x224.jpg" title="การเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจร" width="300" /><br />
การเกษตรเรื่องการเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจร </div><br />
<br />
<div class="wp-caption-text">การเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจร</div><br />
<ul><li>เกษตรกรควรเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจรในช่วงที่ฟ้าทะลายโจรเริ่มออกดอกจนถึงดอกบาน 50% ซึ่งฟ้าทะลายโจรจะมีอายุประมาณ 110-150 วัน การออกดอกนี้จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม วิธีเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจรเกษตรกรควรใช้กรรไกรตัดหรือเคียวเกี่ยวทั้งต้นให้เหลือตอสูง ประมาณ 5-10 เซนติเมตร เพื่อเลี้ยงต้นตอให้เจริญเติบโตให้ผลผลิตในรุ่นต่อไป โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน จึงสามารถเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจรได้อีกครั้ง </li>
<li>หลังจากที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวฟ้าทะลายโจรเรียบร้อยแล้วเกษตรกรควรการทำความสะอาดและการเตรียมสมุนไพรก่อนทำให้แห้ง นำฟ้าทะลายโจรที่เก็บมาล้างน้ำให้สะอาด ตัดหรือหั่นให้มีความยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาเกลี่ยบนภาชนะที่สะอาด เช่น กระด้งหรือถาด การตากควรคลุมภาชนะด้วยผ้าขาวบาง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและกันการปลิวของสมุนไพร ตากจนแห้งสนิท หรือโดยการอบที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียสใน 8 ชั่วโมงแรก ต่อไปใช้อุณหภูมิ 40-45 องศาเซลเซียส</li>
<li>หลังจากที่ฟ้าทะลายโจรแห้งดีแล้วเกษตรกรควรนำฟ้าทะลายโจรเก็บใส่ถุงพลาสติกปิดปากถุงหรือมัดให้แน่นและเกษตรกรควรเก็บฟ้าทะลายโจรในที่สะอาด เกษตรกรไม่ควรเก็บฟ้าทะลายโจรไว้ใช้นานเพราะจะทำให้ปริมาณสารสำคัญลดลงประมาณ 25% </li>
</ul>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-27734905354137054812011-09-14T08:49:00.000-07:002011-09-14T08:49:26.109-07:00บางจาก วางแผนผลิตพลังงานทดแทนจากสาหร่ายบางจาก ผู้นำด้านพลังงานทดแทนของประเทศไทย วางแผนผลิตพลังงานทดแทนจากสาหร่าย โดยจะนำสาหร่ายที่เจริญเติบโตเร็วมากมาสกัดเป็นน้ำมันดิบ เพื่อนำมากลั่นเป็นไบโอดีเซลต่อไป<br />
<div class="wp-caption aligncenter" id="attachment_1243" style="width: 310px;"><a href="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2011/06/พลังงานทดแทนจากสาหร่าย.jpg"><img alt="พลังงานทดแทนจากสาหร่าย" class="size-medium wp-image-1243" height="164" src="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2011/06/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2.jpg" title="พลังงานทดแทนจากสาหร่าย" width="300" /></a> <div class="wp-caption-text">พลังงานทดแทนจากสาหร่าย</div></div><br />
โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลอง ถ้าหากประสบผลสำเร็จ(ทำเป็นธุรกิจ) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด , บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) และบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด(มหาชน) จะร่มลงทุนกันด้วยจำนวนเงินมากถึง 1,000 ล้านบาท <br />
<br />
ซื่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังเป็นพลังงานที่ไม่สะอาด แต่ถ้าเป็นน้ำมันจากสาหร่ายก็จะได้พลังงานที่สะอาด เพราะสาหร่ายใช้ก็าซคาร์บอนไดออกไซต์และแสงแดดในการเจริญเติบโต และกากสาหร่ายที่ได้จากการสกัดน้ำมันยังสามารถนำมาเป็นอาหารสัตว์ได้อีกด้วย<br />
และถ้าหากการทดลองประสบความสำเร็จก็อาจจะมีการผลักดันให้<a href="http://www.การเกษตร.com/"><span style="color: #004d99;">เกษตรกร</span></a>เพาะเลี้ยงสาหร่ายอีกด้วย เพราะสาหร่ายสามารถเก็บผลผลิตได้ทุกวันไม่เหมือนปาล์มน้ำมันที่มีฤดูเก็บเกี่ยวของมัน<br />
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสาหร่ายพลังงานทดแทนได้ที่<br />
<ul><li><a href="http://www.การเกษตร.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2/"><span style="color: #004d99;">วิธีการสกัดน้ำมันจากสาหร่าย</span></a></li>
<li><a href="http://www.การเกษตร.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/"><span style="color: #004d99;">สาหร่ายพืชเปลี่ยนโลก</span></a></li>
</ul>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-91480018637048340622011-09-14T08:44:00.000-07:002011-09-14T08:46:12.203-07:00การเกษตรเรื่องการดูแลรักษาส้มโอ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img alt="การเกษตรเรื่องการดูแลรักษาส้มโอ" class="size-medium wp-image-1092" height="295" src="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2010/04/kan-do-la-som-o-300x295.jpg" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" title="การเกษตรเรื่องการดูแลรักษาส้มโอ" width="300" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><div class="wp-caption-text">การเกษตรเรื่องการดูแลรักษาส้มโอ</div><div class="wp-caption-text"><br />
</div><br />
<ul><li>การให้น้ำส้มโอ ในช่วงแรกที่เกษตรกรทำการปลูกส้มโอใหม่ ๆ เกษตรกรควรให้น้ำส้มโออย่างสม่ำเสมอ พอต้นส้มโอเริ่มโตเต็มทีแล้วเกษตรกรจึงให้น้ำน้อยลง โดยสังเกตุดูจากความชื้นของดิน</li>
<li>การให้ปุ๋ยส้มโอ ในช่วงที่ส้มโอมีอายุ 1-3 ปี เกษตรกรควรให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตราส่วน 300-500 กรัมต่อการใส่ปุ๋ยแต่ละครั้งและต่อต้นส้มโอ 1 ต้น โดยระยะเวลา 1 ปีให้ใส่ปุ๋ยได้ 2 ครั้ง หลังจากที่ส้มโอมีอายุได้ 4 ปี จะเริ่มออกผลให้เกษตรกรให้ปุ๋ยสูตร 13 – 13 – 21 หรือ 15 – 15 15 โดยให้ใส่ครึ่งหนึ่งของอายุต้นส้มโอ ตัวอย่าง ส้มโอมีอายุ 4 มี ให้เกษตรกรใส่ปุ๋ย 2 กิโลกรัม โดยให้ทำการแบ่งใส่ 2 ครั้ง ๆ 1 กิโลกรัม หลักจากที่เกษตรกรทำการเก็บเกี่ยวผลส้มโอแล้ว 6 เดือน จึงทำการใส่ปุ๋ยอีกครั้ง</li>
<li>การกำจัดวัชพืชส้มโอ เกษตรกรควรทำการพรวนดินบริเวณโคนต้นส้มโออย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ดินโปร่ง ข้อควรระวังคืออย่าให้โดนโคนต้นหรือบริเวณรากของส้มโอเป็นอันขาด หากเกษตรกรต้องการฉีดสารเคมีควรระวังอย่าให้สารเคมีโดนใบส้มเป็นอันขาด</li>
<li><div align="left">การตัดแต่งกิ่งส้มโอ ให้เกษตรกรทำการตัดแต่งกิ่งส้มโอที่เป็นโรค แห้ง กิ่งที่ขึ้นแข่งกับลำต้น กิ่งที่ขึ้นไขว้กัน ทิ้งเสีย หลังจากที่เกษตรกรทำการตัดแต่งกิ่งแล้วให้ใช้สารกันราหรือปูนแดงละลายผสมกับน้ำทาตรงรอยแผลที่ตัด เพื่อป้องกันแผลเน่าเนื่องจากเชื้อรา </div></li>
</ul></td></tr>
</tbody></table>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-68513787501681912612011-09-14T08:40:00.000-07:002011-09-14T08:41:54.662-07:00การเกษตร ( พันธ์ไผ่ยักษ์เมืองน่าน )<img height="243" src="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2011/08/ไผ่ยักษ์.jpg" width="320" /><img alt="พันธุ์ไผ่ยักษ์เมืองน่าน" class="size-medium wp-image-1261" height="294" src="http://www.การเกษตร.com/wp-content/uploads/2011/08/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99.jpg" title="พันธุ์ไผ่ยักษ์เมืองน่าน" width="300" /><br />
จากคำบอกเล่าของชาวน่าน จึงทราบว่าไผ่ยักษ์ชนิดนี้ที่มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศจีน โดยมีชาวเขาเผ่าม้งนำมาปลูกต่อๆกันมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ใฃ้ทำเสาบ้าน , ใช้ทำฝาบ้าน , ใช้ทำฝาเล้าข้าว , ใช้ทำรั้วบ้าน , ใช้ทำคอกสัตว์ , ใช้ทำรางอาหารสัตว์ , ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ , เป็นต้น และเนื่องจากขนาดที่ใหญ่มากทำให้สามารถนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างแล้วแต่การใช้งาน<br />
ลักษณะของลำไผ่จะมีมีผิวเรียบเป็นมันและไม่มีขน หน่อสามารถรับประทานได้รสชาติคล้ายกับไผ่ตง ไผ่ยักษ์ชนิดนี้เมื่อโตเต็มที่ จะมี<br />
<ul><li>ขนาดเส้นรอบวงประมาณ 80-90 เซนติเมตร </li>
<li>ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 13-15 นิ้ว </li>
<li>ขนาดความสูงประมาณ 30-45 เมตร </li>
<li>น้ำหนักลำประมาณ 150-350 กิโลกรัม</li>
<li>เนื้อไม้มีความหนาประมาณ 1-3 เซนติเมตร</li>
<li>หน่อมีน้ำหนักประมาณ 50-70 กิโลกรัม</li>
</ul>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-24903376036315631762011-09-14T08:30:00.000-07:002011-09-14T08:30:03.084-07:00ความหมายการจัดการความรู้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgCQSwAMufIVTVWfhntc4Ld4G-wYf0BYWJyZcCKyd0Lry8d80TsaGkKrK_AC_zV0fnf6LC4LXF8mGEkGkr2hutaNb-FKGaG1xD8WYPms9gRqRt-uOgxYPrK89hvZ7CA4e0ZGU9Z5ccs_27X/s1600/original_kmthai1%255B1%255D.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="240" qaa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgCQSwAMufIVTVWfhntc4Ld4G-wYf0BYWJyZcCKyd0Lry8d80TsaGkKrK_AC_zV0fnf6LC4LXF8mGEkGkr2hutaNb-FKGaG1xD8WYPms9gRqRt-uOgxYPrK89hvZ7CA4e0ZGU9Z5ccs_27X/s320/original_kmthai1%255B1%255D.jpg" width="320" /></a></div>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-38798841615087424532011-08-18T21:36:00.000-07:002011-08-18T21:36:25.622-07:00ประโยชน์การจัดการความรู้ประโยชน์ของการจัดการความรู้ คือ <div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">1.<span> ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร</span> </span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">2. <span>ป้องกันการสูญหายของภูมิปัญญา ในกรณีที่บุคคลากรเกษียณอายุ ลาออก หรือเสียชีวิต</span> </span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">3. <span>เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและความอยู่รอด</span></span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">4. <span>เป็นการลงทุนในต้นทุนมนุษย์ ในการพัฒนาความสามารถที่จะแบ่งปันความรู้ที่ได้เรียนรู้มาให้กับคนอื่นๆ ในองค์กร และนำความรู้ไปปรับใช้กับงานที่ทำอยู่ให้เกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น เป็นการการพัฒนาคน และพัฒนาองค์กร</span></span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">5. <span>ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการตัดสินใจและวางแผนดำเนินงานให้รวดเร็ว และดีขึ้น เพราะมีสารสนเทศ หรือแหล่งความรู้เฉพาะที่มีหลักการ เหตุผล และน่าเชื่อถือช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ</span> </span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">6. <span>ผู้บังคับบัญชาสามารถทำงานเชื่อมโยงกับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ช่วยเพิ่มความกลมเกลียวในหน่วยงาน</span> </span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">7. <span>เมื่อพบข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงาน ก็สามารถหาวิธีแก้ไขได้ทันท่วงที</span> </span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">8. <span>แปรรูปความรู้ให้เป็นทุน ซึ่งเป็นการสร้างความท้าทายให้องค์กรผลิตสินค้าและบริการจากความรู้ที่มี เพื่อเพิ่มคุณค่า และรายได้ให้กับองค์กร</span> </span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">9. <span>เพื่อการสร้างสรรค์ และบรรลุเป้าหมายของจินตนาการที่ยิ่งใหญ่</span></span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;">10. <span>เปลี่ยนวัฒนธรรม จาก วัฒนธรรมอำนาจในแนวดิ่ง ไปสู่วัฒนธรรมความรู้ในแนวราบ<span style="mso-spacerun: yes;"> </span>ซ฿งทุกคนมีสิทธิในการเรียนรู้เท่าเทียมกัน</span> </span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt;"><span style="font-family: "Angsana New"; font-size: 16pt;"><span style="color: blue;"><a href="http://portal.in.th/inno-sayan/pages/1139/">http://portal.in.th/inno-sayan/pages/1139/</a></span></span></div>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7411417794516894216.post-5288035868905394082011-08-18T21:31:00.000-07:002011-08-18T21:31:51.040-07:00ความหมายการจัดการความรู้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgl4SDpaKuT48w40DgrF4rCu0bRUvvon6drC5aXQjDiLhGAhawTerv5Krn6rjK0IrkJeNMAB7nqlv_kkeAuKNnxkoC9qHNVqsdkGhGWW1PHLC812oTfipswSsSt0CJrkUzBy0Cmoeav_a5f/s1600/original_kmthai1%255B1%255D.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; cssfloat: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="240" qaa="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgl4SDpaKuT48w40DgrF4rCu0bRUvvon6drC5aXQjDiLhGAhawTerv5Krn6rjK0IrkJeNMAB7nqlv_kkeAuKNnxkoC9qHNVqsdkGhGWW1PHLC812oTfipswSsSt0CJrkUzBy0Cmoeav_a5f/s320/original_kmthai1%255B1%255D.jpg" width="320" /></a></div>การจัดการความรู้ประกอบไปด้วยชุดของการปฏิบัติงานที่ถูกใช้โดยองค์กรต่างๆ เพื่อที่จะระบุ สร้าง แสดงและกระจายความรู้ เพื่อประโยชน์ในการนำไปใช้และการเรียนรู้ภายในองค์กร อันนำไปสู่การจัดการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการธุรกิจที่ดี องค์กรขนาดใหญ่โดยส่วนมากจะมีการจัดสรรทรัพยากรสำหรับการจัดการองค์ความรู้ โดยมักจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศหรือแผนกการจัดการทรัพยากรมนุษย์<br />
<a href="http://www.kku.ac.th/km/">http://www.kku.ac.th/km/</a>Knowledge Management Technologyhttp://www.blogger.com/profile/14709186579850033039noreply@blogger.com0